มาตรา ๓๒
ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใด[1]ทำหรือมีไว้เป็นความผิด
ให้[2]ริบเสียทั้งสิ้น
ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
มาตรา ๓๓ ในการริบทรัพย์สิน
นอกจากศาลจะ[3]มีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว
ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคล[4]ได้ใช้
หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ
(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด
เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
มาตรา ๓๔ บรรดาทรัพย์สิน
(๑) ซึ่งได้ให้ตามความในมาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๖๗
มาตรา ๒๐๑ หรือมาตรา ๒๐๒ หรือ
(๒) ซึ่งได้ให้เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทำความผิด
หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทำความผิด
ให้ริบเสียทั้งสิ้น
เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
[1] กรณีอาวุธปืนต้องพิจารณาว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่
หากไม่มีทะเบียนมีไว้เป็นความผิดม.๓๒ หากมีทะเบียนอาจเป็น ม.๓๓หรือ๓๔
[2] ริบเสียทั้งสิ้น
หมายความว่า เป็นบทบัญญัติบังคับว่าต้องริบเสมอ
[3] มีอำนาจริบ
แสดงว่าเป็นดุลพินิจศาล
[4] การริบทรัพย์เป็นโทษตามปอ.๑๘(๕)
จึงต้องมีการฟ้องและพิสูจน์
,ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด ตาม ๓๓๖ทวิ
แต่บทบัญญัติดังกล่าวหาให้ถือว่ายานพาหนะเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดด้วยไม่
และมิได้หมายความว่าจำเลยได้ใช้รถของกลางเป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งของการลักทรัพย์
จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดด้วยไม่,ได้ใช้หรือมีไว้เป็นความผิด
หรือได้มาโดยกระทำความผิด หมายถึงความผิดฐานที่ได้ฟ้องเท่านั้น ดังนั้นขอให้ริบโทรศัพท์โดยอ้างว่า
ใช้ในการติดต่อซื้อขาย แต่ฟ้องว่ามีเมทฯ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
แต่สืบได้เพียงว่าจำเลยถูกจับว่ามีเมท ๓๔๐ เม็ดในกระเป๋าและพบโทรศัพท์ส่วนกลาง
โทรศัพท์จึงไม่อาจยึดหรือซ่อนเมทฯไว้ที่ฐานพัดลมไม่อาจยึดพัดลม,ฟ้องว่ามีเมทฯไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
มิได้ฟ้องฐานเสพ ยึดอุปกรณ์เสพไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น