วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ริบทรัพย์ ๓๒-๓๔


มาตรา ๓๒  ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใด[1]ทำหรือมีไว้เป็นความผิด ให้[2]ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

มาตรา ๓๓  ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะ[3]มีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคล[4]ได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ
(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด
เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

มาตรา ๓๔  บรรดาทรัพย์สิน
(๑) ซึ่งได้ให้ตามความในมาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐ มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๒๐๑ หรือมาตรา ๒๐๒ หรือ
(๒) ซึ่งได้ให้เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทำความผิด หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทำความผิด
ให้ริบเสียทั้งสิ้น เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด



[1] กรณีอาวุธปืนต้องพิจารณาว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่ หากไม่มีทะเบียนมีไว้เป็นความผิดม.๓๒ หากมีทะเบียนอาจเป็น ม.๓๓หรือ๓๔
[2] ริบเสียทั้งสิ้น หมายความว่า เป็นบทบัญญัติบังคับว่าต้องริบเสมอ
[3] มีอำนาจริบ แสดงว่าเป็นดุลพินิจศาล
[4] การริบทรัพย์เป็นโทษตามปอ.๑๘(๕) จึงต้องมีการฟ้องและพิสูจน์ ,ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด ตาม ๓๓๖ทวิ แต่บทบัญญัติดังกล่าวหาให้ถือว่ายานพาหนะเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดด้วยไม่ และมิได้หมายความว่าจำเลยได้ใช้รถของกลางเป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งของการลักทรัพย์ จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดด้วยไม่,ได้ใช้หรือมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยกระทำความผิด หมายถึงความผิดฐานที่ได้ฟ้องเท่านั้น  ดังนั้นขอให้ริบโทรศัพท์โดยอ้างว่า ใช้ในการติดต่อซื้อขาย แต่ฟ้องว่ามีเมทฯ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่สืบได้เพียงว่าจำเลยถูกจับว่ามีเมท ๓๔๐ เม็ดในกระเป๋าและพบโทรศัพท์ส่วนกลาง โทรศัพท์จึงไม่อาจยึดหรือซ่อนเมทฯไว้ที่ฐานพัดลมไม่อาจยึดพัดลม,ฟ้องว่ามีเมทฯไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้ฟ้องฐานเสพ ยึดอุปกรณ์เสพไม่ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น