มาตรา ๓๓๙ ผู้ใดลักทรัพย์[1]โดยใช้กำลังประทุษร้าย
หรือขู่เข็ญว่า[2]ในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย
เพื่อ
(๑) [3]ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(๒) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(๓) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(๔) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(๕) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดแห่งมาตรา
๓๓๕ หรือเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ
เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
[1] โดยใช้กำลังประทุษร้าย
ต้องเป็นการประทุษร้ายต่อบุคคลอื่น มิใช่ต่อคนร้ายผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน
๕๗๖๘/๔๔
[2] “ในทันใด”
การทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้ายต้องยังไม่ขาดตอนจากการลักทรัพย์ ถือว่ายังไม่ขาดตอน ได้แก่
ผู้เสียหายเห็นจำเลยกำลังลักมะม่วง
ตอนแรกหนีไปแต่กลับมาพร้อมกับไม้ไผ่ตรงเข้าจะตีผู้เสียหาย แต่ในทันทีนั้นได้พูดว่า
วางเมียผมลงเดี๋ยวนี้ หาไม่วางจะตีผู้เสียหายให้ตาย”
[3] เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
ได้แก่ กระชากสร้อยและยิงปืนเพื่อมิให้ตำรวจที่พบเหตุไล่ติดตาม
,คนหนึ่งลักปากกาอีกคนเดินชนให้ผู้เสียหายเซล้มไป ,ผู้เสียหายรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถเก๋ง
จำเลยทั้งสองแกล้งทำช่วยเหลือ ใช้อุบายไปส่งบ้าน ขณะจำเลยที่ ๒
ขับรถผู้เสียหายลับสายตา ผู้เสียหายให้จำเลยที่ ๑ หยุดรถเพื่อแจ้งศูนย์วิทยุ
จำเลยที่ ๑ ใข้ศอกตวัดกระแทกผู้เสียหายตกรถ
และจำเลยที่หนี่งย้อนกลับมายังจุดนัดหมาย เป็นความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ ๕๘/๔๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น