มาตรา ๓๑๓ ผู้ใด[1]เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
(๑) เอาตัวเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไป
(๒) เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ
ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม
หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หรือ
(๓) หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป
ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังนั้นรับอันตรายสาหัส หรือเป็นการกระทำ[2]โดยทรมาน
หรือโดยทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำนั้นรับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว
หรือผู้ถูกกักขังนั้น[3]ถึงแก่ความตาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต
มาตรา ๓๑๔ ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา
๓๑๓ ต้อง[4]ระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
มาตรา ๓๑๕ ผู้ใด[5]กระทำการเป็นคนกลาง
โดยเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างใดที่มิควรได้จากผู้กระทำความผิดตามมาตรา
๓๑๓ หรือจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๓๑๖ ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา
๓๑๓ มาตรา ๓๑๔ หรือมาตรา ๓๑๕ จัดให้ผู้ถูกเอาตัวไป
ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขัง[6]ได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา
โดยผู้นั้นมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต
ให้ลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
[1] เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
จึงไม่จำต้องได้มาแล้วจึงจะมีความผิด ,จับคนไปเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ
เมื่อนำตัวคนไปโดยเจตนาพิเศษเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แม้ยังไม่ได้ติดต่อเรียกค่าไถ่ก็ตาม
,การเอาตัวหน่วงเหนี่ยวกักขัง
เพื่อให้ผู้กระทำชำระหนี้ของตน โดยเชื่อว่าสามารถทำได้
ดังนี้หรือประโยชน์ที่เรียกร้องเป็นการบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ใช่ค่าไถ่ ๑(๑๓)
“ทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่เรียกเอาหรือให้เพื่อแลกเปลี่ยนเสรีภาพของผู้ถูกเอาตัวไป
ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง แต่อาจผิด ๓๐๙ ,๓๑๐
[2] โดยทรมาน เช่น
โจทก์ร่วมจะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ จำเลยทั้งสองจะช่วยถอนกางเกงให้ กักขังไว้
๑๓๓วัน
[3] ผู้ถูกจับตัวถึงแก่ความตายเนื่องจากการกระทำความผิด
ผู้กระทำความผิดทุกคนต้องรับโทษตาม ๓๑๓ วรรคท้าย
ผู้กระทำความผิดบางคนจะอ้างว่าไม่รู้เห็นในการฆ่าของผู้กระทำความผิดคนอื่นไม่ได้
๓๒๐๔/๒๒(การฆ่าเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลย),จำเลยจับผู้เสียหายกักขังและทรมานเป็นการทารุณและจิตใจเป็นเหตุให้ผู้ตายฆ่าตัวตาย
เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย,ถูกกักขังทรมานระยะเวลาประมาณ๓เดือนตัดสินใจโดดตึกตาย,
[4] ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา
๓๑๓ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
เช่นผู้รับตัวผู้ถูกเรียกค่าไถ่ขังไว้
[5] หลักต้องเป็นทรัพย์สินที่มิควรได้
หากผู้เสียหายมอบเป็นค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับคนร้ายโดยจำเลยมิได้รู้เห็นกับคนร้ายไม่ใช่ทรัพย์สินที่มิควรได้
มีการเรียกค่าไถ่ ช่วยพูดกับบุตรผู้เสียหายว่า “เขาจะเอาเท่าไหร่ก็ให้เขาไปเสีย
จะได้หมดเวรหมดกรรมกัน” มิได้เกี่ยวกับเรียกค่าไภ่โดยตรง
[6] การจัดให้ผู้ที่ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพตามม.๓๑๖
นี้ต้องเป็นการกระทำของผู้กระทำความผิดด้วย ผู้กระทำความผิดจึงได้รับผลของมาตรา
๓๑๖,จะต้องเป็นการกระทำของผู้กระทำความผิดคือจำเลยหรือผู้ที่ร่วมกระทำความผิดกับจำเลย
แต่กรณีนี้เป็นเรื่องผู้เสียหายตามไปพบและอุ้มเอาบุตรสาวมาเองจำเลยมิได้กระทำการใด,จำเลยได้รับค่าไถ่แล้วปล่อยตัวผู้ถูกจับเป็นการจัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา,หรือจับตัวผู้เสียหายมาแล้วเกิดเห็นใจ
จึงปล่อยให้บุคคลอื่น จนผู้เสียหายหลบหนีไปได้
เป็นการจัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพ,ตำรวจจับตัวคนร้ายได้คนหนึ่ง
คนร้ายอื่นจึงได้ปล่อยตัวผู้ถูกจับ เข้า๓๑๖
,ผู้กระทำความผิดบางคนเป็นผู้ปล่อยตัวผู้ถูกจับผู้กระทำความผิดทุกคนได้รับประโยชน์ตามมาตรา
๓๑๖ เพราะเป็นเหตุลักษณะคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น