มาตรา ๑๗๒ ผู้ใด[1]แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ
ผู้ว่าคดี [2]พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา
ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
[1] แจ้งความเท็จ
หมายถึง การแจ้งข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย
หากแจ้งไปตามข้อเท็จจริงแม้การกระทำไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย
ก็ไม่เป็นการแจ้งความเท็จ(แจ้งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ)(แจ้งตามข้อความที่ควรสงสัย)
เช่นแจ้งว่ามีการบุกรุกที่สาธารณะ และทำให้เสียหายที่มีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์
ส่วนจะผิดหรือไม่ไม่สำคัญ,ให้การเท็จในฐานะผู้ต้องหาไม่ผิด๑๗๒ เช่นถูกจับสลากกินรวบจึงแจ้งว่าได้รับมาจากคนอื่นเป็นการแจ้งในฐานะผู้ต้องหาแล้ว,เป็นพนักงานเก็บเงินได้ยักยอกเงินไว้แล้วทุบรถจักรยานยนต์ตัวเอง
แล้วแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ ผิด
๓๕๒,๑๗๒,๑๗๓,๑๗๙(ทำพยานเท็จ),การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่งไม่ผิด๑๗๒,๑๗๓,๑๗๔เช่นโจทก์ออกจากที่พิพาทแล้วจำเลยแจ้งต่อศาลว่ายังไม่ออก,คัดค้านการปล่อยตัวอันเป็นเท็จ
ไม่ผิด๑๗๒ เพราะศาลไม่ใช่เจ้าพนักงาน ไม่ผิดฐานฟ้องเท็จเพราะมิได้ฟ้องว่ากระทำผิด,ข้อความที่แจ้งนั้นจะต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา
ซึ่งต้องเป็นข้อสำคัญในองค์ประกอบความผิดดังนั้นแจ้งความผิดฉ้อโกงว่าจำเลยเป็นผู้แนะนำส.ให้รู้จักกับโจทก์และสามี,หรือแจ้งว่ายืมเครื่องเพชรไปแล้วหายเงียบ
[2] ร้องในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา
ไม่เป็นพนักงานสอบสวนไม่ผิด ๑๗๒ แต่ผิด ๑๓๗ , แจ้งว่าผู้อื่นลักทรัพย์เป็นเท็จผิด
๑๗๒ ๑๗๓ ส่วนผู้เข้าเป็นพยานผิด ๑๓๗ , ผิดมาตรา ๑๗๒ เป็นความผิดบทเฉพาะไม่ผิด๑๓๗
อันเป็นบททั่วไปอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น