วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๑๗๒


มาตรา ๑๗๒  ผู้ใด[1]แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี [2]พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



[1] แจ้งความเท็จ หมายถึง การแจ้งข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย หากแจ้งไปตามข้อเท็จจริงแม้การกระทำไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ก็ไม่เป็นการแจ้งความเท็จ(แจ้งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ)(แจ้งตามข้อความที่ควรสงสัย) เช่นแจ้งว่ามีการบุกรุกที่สาธารณะ และทำให้เสียหายที่มีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ ส่วนจะผิดหรือไม่ไม่สำคัญ,ให้การเท็จในฐานะผู้ต้องหาไม่ผิด๑๗๒ เช่นถูกจับสลากกินรวบจึงแจ้งว่าได้รับมาจากคนอื่นเป็นการแจ้งในฐานะผู้ต้องหาแล้ว,เป็นพนักงานเก็บเงินได้ยักยอกเงินไว้แล้วทุบรถจักรยานยนต์ตัวเอง แล้วแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ ผิด ๓๕๒,๑๗๒,๑๗๓,๑๗๙(ทำพยานเท็จ),การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่งไม่ผิด๑๗๒,๑๗๓,๑๗๔ช่นโจทก์ออกจากที่พิพาทแล้วจำเลยแจ้งต่อศาลว่ายังไม่ออก,คัดค้านการปล่อยตัวอันเป็นเท็จ ไม่ผิด๑๗๒ เพราะศาลไม่ใช่เจ้าพนักงาน ไม่ผิดฐานฟ้องเท็จเพราะมิได้ฟ้องว่ากระทำผิด,ข้อความที่แจ้งนั้นจะต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา ซึ่งต้องเป็นข้อสำคัญในองค์ประกอบความผิดดังนั้นแจ้งความผิดฉ้อโกงว่าจำเลยเป็นผู้แนะนำส.ให้รู้จักกับโจทก์และสามี,หรือแจ้งว่ายืมเครื่องเพชรไปแล้วหายเงียบ
[2] ร้องในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ไม่เป็นพนักงานสอบสวนไม่ผิด ๑๗๒ แต่ผิด ๑๓๗ ,  แจ้งว่าผู้อื่นลักทรัพย์เป็นเท็จผิด ๑๗๒ ๑๗๓ ส่วนผู้เข้าเป็นพยานผิด ๑๓๗ ,  ผิดมาตรา ๑๗๒ เป็นความผิดบทเฉพาะไม่ผิด๑๓๗ อันเป็นบททั่วไปอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น