วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๓๓๖ ๓๓๖ทวิ


มาตรา ๓๓๖  ผู้ใดลักทรัพย์โดย[1]ฉกฉวยเอา [2]ซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้[3]ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท

มาตรา ๓๓๖ ทวิ  ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๓๓๔ มาตรา ๓๓๕ มาตรา ๓๓๕ ทวิ หรือมาตรา ๓๓๖ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือ[4]โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ กึ่งหนึ่ง



[1] ฉกฉวย หมายถึง การที่หยิบจับทรัพย์นั้นโดยเร็ว
[2] ซึ่งหน้า หมายถึง ทรัพย์ที่ฉกฉวยอยู่กับหรือใกล้ชิดกับตัวผู้ครอบครอง หรือผู้ครอบครองแทน และขณะที่ถูกฉกฉวยผู้นั้นรู้สึกตัวหรือเห็นการฉกฉวยเอาทรัพย์นั้นไปด้วย ดังนั้นหากเป็นการกระตุกสร้อยทางด้านหลัง แต่เจ้าทรัพย์รู้สึกตัวและเห็นเหตุการณ์ก็ถือว่าเป็นการกระทำซึ่งหน้า ๑๓๑๕/๑๓
[3] คำว่า ผู้อื่น ไม่ได้หมายความถึงผู้ที่กระทำความผิดด้วยกัน
[4] การกระทำความผิดตามม.๓๓๖ ทวิ  นั้นต้องดูที่เจตนาของผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญว่าต้องการใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือไม่  ประเด็นคือ จำเลยมีเจตนาจะลักเงินในกระเป๋าที่วางอยู่ในรถที่จำเลยขับอยู่ก่อนแล้ว โดยใช้อุบายหลอกให้ลงรถโดยให้ไปซื้อน้ำอัดลม แล้วถือโอกาสขับรถดังกล่าวหนี จำเลยไม่มีเจตนาจะใช้รถตามม.๓๓๖ทวิ ผิดแค่ ๓๓๔ ฎ๑๔๘๖/๔๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น