วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๒๗๖-๒๗๗


มาตรา ๒๗๖  ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่าการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดย[1]มีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการ[2]โทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรสและคู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการฟ้องหย่าให้

มาตรา ๒๗๗  ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่าการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสามได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกันและเด็กนั้นไม่ยินยอม หรือได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
ความผิดตามที่[3]บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกระทำโดยบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปีกระทำต่อเด็กซึ่งมีอายุกว่าสิบสามปี แต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายสมรสกัน ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ถ้า[4]ศาลอนุญาตให้สมรสในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำความผิดนั้นไป



[1] โดยมีหรือใช้อาวุธ หมายความว่า จำเลยข่มขืนโดยมีอาวุธแม้ไม่ได้ใช้อาวุธก็ผิดสำเร็จแล้ว ,ใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนพกอัดลมชนิดใช้ยิงลูกกระสุนพลาสติก มิใช่อาวุธปืนตาม พรบ.อาวุธปืนไม่ผิด
[2] โทรมหญิง หมายถึง  มีผู้ร่วมกระทำชำเราผู้อื่นด้วยตนเองอย่างน้อย ๒ คนผลัดเปลี่ยนกัน ๒๔๔๙/๒๗ ดังนั้นหากมีการข่มขืนกระทำชำเราเพียงคนเดียว แม้จะมีผู้ร่วมกระทำในลักษณะอันเป็นตัวการตามม.๘๓ เพียงแต่กอดจูบ ไม่ผิดฐานโทรมหญิง ๑๒๐๒/๒๙(ป) ,มีการร่วมประเวณี ๒ คน โดยหญิงยินยอมหนึ่งคนไม่เป็นการโทรมหญิง ๒๐๗๓/๓๗ ,การผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราของผู้กระทำความผิดตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปแล้วแม้อีกคนจะอยู่ในขั้นพยายาม(สอดใส่ไม่ได้) ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
[3] บัญญัติไว้วรรคหนึ่ง หมายความว่า  ต้องกระทำโดยเด็กยินยอม หากเด็กไม่ยินยอม แม้จดทะเบียนกันในภายหลังก็ไม่เข้าข้อยกเว้นมาตรา ๒๗๗วรรคท้าย และได้รับยกเว้นโทษเฉพาะความผิดนี้หากเป็นความผิดอื่นเช่นพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารต้องรับโทษ ม.๓๑๗ วรรคท้ายอยู่
[4] ศาลอนุญาตให้ทำการสมรส  เป็นกรณีที่ศาลอนุญาตให้ชายและหญิงสมรสกัน ซึ่งเป็นกรณีชายและเด็กหญิงอายุยังไม่ครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ จึงไม่อาจสมรสกันได้ ต้องให้ศาลอนุญาตก่อน ดังนั้นถ้าขณะจดทะเบียนสมรสชายและหญิงอายุครบ ๑๗ ปีและผู้ปกครองยินยอม ย่อมทำการจดทะเบียนสมรสกันได้โดยที่ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนและถือว่าเข้าเงื่อนไขตามม.๒๗๗ วรรคท้าย ชายไม่ต้องรับโทษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น