มาตรา ๖๑
ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่ง[1]โดยสำคัญผิด
ผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่
[1] หลักการกระทำโดยสำคัญผิดในตัวบุคคล
๑.การสำคัญผิดในตัวบุคคลนี้ผู้กระทำ ไม่ต้องรับผิดฐานพยายามต่อผู้ซึ่งตนตั้งใจกระทำต่อ เช่น ก.ต้องการฆ่า ข. เห็นค.เดินมายิง ค.ตาย ผิดฆ่าค.ตายโดยเจตนา แต่ไม่ผิดพยายามฆ่า ข. เพราะถือว่าก.ได้กระทำต่อ ค.แล้วและวัตถุแห่งการกระทำมีอันเดียวคือ ค.
๒.ในกรณีที่ผลไม่เกิดแก่ผู้รับผลซึ่งถูกกระทำโดยเจตนา ก็ยังต้องรับผิดฐานพยายามตามหลักทั่วไป เช่นตามตัวอย่างข้างต้น หากค.ไม่ตาย ต้องรับผิดฐานพยามฆ่า
๓. กฎหมายใช้คำว่า “เจตนากระทำต่อบุคคลหนึ่ง” ไม่ได้หมายความว่าเจตนากระทำต่อชีวิตหรือร่ายกายของบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงสิทธิอื่น ๆ รวมถึงสิทธิในทางทรัพย์สินด้วย เช่นหยิบสร้อยของขาวไปจำนำโดยเข้าใจว่าเป็นของแดง
๔.หากเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หากไปกระทำต่อบุคคลอื่นโดยสำคัญผิดก็ถือว่าไตร่ตรองด้วย
๕.ความสำคัญผิดเกิดขึ้นเพราะความประมาท ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดฐานประมาท เพราะต้องรับผิดฐานกระทำโดยเจตนาต่อผู้ได้รับผลร้ายอยู่แล้ว เช่นตัวอย่างข้างต้นการที่ก.ยิงค.เพราะไม่ได้ดูให้ดี(ประมาท) ก็ไม่ต้องปรับฐานประมาทอีก
๖.จะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดต่อตัวบุคคลต่อเมื่อ วัตถุแห่งการ กระทำที่ผู้กระทำมุ่งหมายกระทำต่อ และวัตถุแห่งการกระทำที่เป็นผลร้ายนั้นเป็นประเภทเดียวกัน เช่น เจตนากระทำต่อทรัพย์สำคัญผิดต่อทรัพย์ ,เจตนาต่อชีวิตสำคัญผิดต่อชีวิต ดังนั้นหากนายแดงยิงไปที่พุ่มไม้คิดว่าเป็นการยิงสุนัข แต่เป็นขาวนอนเมาคลานอยู่ ไม่เป็นการสำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด แต่อาจผิดฆ่าขาวโดยประมาท ๒๙๑
๑.การสำคัญผิดในตัวบุคคลนี้ผู้กระทำ ไม่ต้องรับผิดฐานพยายามต่อผู้ซึ่งตนตั้งใจกระทำต่อ เช่น ก.ต้องการฆ่า ข. เห็นค.เดินมายิง ค.ตาย ผิดฆ่าค.ตายโดยเจตนา แต่ไม่ผิดพยายามฆ่า ข. เพราะถือว่าก.ได้กระทำต่อ ค.แล้วและวัตถุแห่งการกระทำมีอันเดียวคือ ค.
๒.ในกรณีที่ผลไม่เกิดแก่ผู้รับผลซึ่งถูกกระทำโดยเจตนา ก็ยังต้องรับผิดฐานพยายามตามหลักทั่วไป เช่นตามตัวอย่างข้างต้น หากค.ไม่ตาย ต้องรับผิดฐานพยามฆ่า
๓. กฎหมายใช้คำว่า “เจตนากระทำต่อบุคคลหนึ่ง” ไม่ได้หมายความว่าเจตนากระทำต่อชีวิตหรือร่ายกายของบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงสิทธิอื่น ๆ รวมถึงสิทธิในทางทรัพย์สินด้วย เช่นหยิบสร้อยของขาวไปจำนำโดยเข้าใจว่าเป็นของแดง
๔.หากเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หากไปกระทำต่อบุคคลอื่นโดยสำคัญผิดก็ถือว่าไตร่ตรองด้วย
๕.ความสำคัญผิดเกิดขึ้นเพราะความประมาท ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดฐานประมาท เพราะต้องรับผิดฐานกระทำโดยเจตนาต่อผู้ได้รับผลร้ายอยู่แล้ว เช่นตัวอย่างข้างต้นการที่ก.ยิงค.เพราะไม่ได้ดูให้ดี(ประมาท) ก็ไม่ต้องปรับฐานประมาทอีก
๖.จะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดต่อตัวบุคคลต่อเมื่อ วัตถุแห่งการ กระทำที่ผู้กระทำมุ่งหมายกระทำต่อ และวัตถุแห่งการกระทำที่เป็นผลร้ายนั้นเป็นประเภทเดียวกัน เช่น เจตนากระทำต่อทรัพย์สำคัญผิดต่อทรัพย์ ,เจตนาต่อชีวิตสำคัญผิดต่อชีวิต ดังนั้นหากนายแดงยิงไปที่พุ่มไม้คิดว่าเป็นการยิงสุนัข แต่เป็นขาวนอนเมาคลานอยู่ ไม่เป็นการสำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด แต่อาจผิดฆ่าขาวโดยประมาท ๒๙๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น