วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๖๑


มาตรา ๖๑  ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่ง[1]โดยสำคัญผิด ผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่



[1] หลักการกระทำโดยสำคัญผิดในตัวบุคคล 
          ๑.การสำคัญผิดในตัวบุคคลนี้ผู้กระทำ ไม่ต้องรับผิดฐานพยายามต่อผู้ซึ่งตนตั้งใจกระทำต่อ เช่น ก.ต้องการฆ่า ข. เห็นค.เดินมายิง ค.ตาย ผิดฆ่าค.ตายโดยเจตนา แต่ไม่ผิดพยายามฆ่า ข. เพราะถือว่าก.ได้กระทำต่อ ค.แล้วและวัตถุแห่งการกระทำมีอันเดียวคือ ค.  
         ๒.ในกรณีที่ผลไม่เกิดแก่ผู้รับผลซึ่งถูกกระทำโดยเจตนา ก็ยังต้องรับผิดฐานพยายามตามหลักทั่วไป เช่นตามตัวอย่างข้างต้น หากค.ไม่ตาย ต้องรับผิดฐานพยามฆ่า 
         ๓. กฎหมายใช้คำว่า เจตนากระทำต่อบุคคลหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเจตนากระทำต่อชีวิตหรือร่ายกายของบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงสิทธิอื่น ๆ รวมถึงสิทธิในทางทรัพย์สินด้วย เช่นหยิบสร้อยของขาวไปจำนำโดยเข้าใจว่าเป็นของแดง
        ๔.หากเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หากไปกระทำต่อบุคคลอื่นโดยสำคัญผิดก็ถือว่าไตร่ตรองด้วย 
        ๕.ความสำคัญผิดเกิดขึ้นเพราะความประมาท ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดฐานประมาท เพราะต้องรับผิดฐานกระทำโดยเจตนาต่อผู้ได้รับผลร้ายอยู่แล้ว เช่นตัวอย่างข้างต้นการที่ก.ยิงค.เพราะไม่ได้ดูให้ดี(ประมาท) ก็ไม่ต้องปรับฐานประมาทอีก 
        ๖.จะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดต่อตัวบุคคลต่อเมื่อ วัตถุแห่งการ กระทำที่ผู้กระทำมุ่งหมายกระทำต่อ และวัตถุแห่งการกระทำที่เป็นผลร้ายนั้นเป็นประเภทเดียวกัน เช่น เจตนากระทำต่อทรัพย์สำคัญผิดต่อทรัพย์  ,เจตนาต่อชีวิตสำคัญผิดต่อชีวิต ดังนั้นหากนายแดงยิงไปที่พุ่มไม้คิดว่าเป็นการยิงสุนัข แต่เป็นขาวนอนเมาคลานอยู่ ไม่เป็นการสำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด แต่อาจผิดฆ่าขาวโดยประมาท ๒๙๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น