วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๓๐๙-๓๑๐


มาตรา ๓๐๙  ผู้ใด[1]ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

มาตรา ๓๑๐  ผู้ใด[2]หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๗ หรือมาตรา ๒๙๘ นั้น



[1] จำเลยกับพวกนำอาวุธปืนติดตัวเข้าไปพูดจาให้ผู้เสียหายคิดบัญชีการที่จำเลยกับผู้เสียหายเข้าหุ้นทำการก่อสร้าง โดยขู่ว่าถ้าหากไม่คิดจะเกิดเรื่อง ไม่ผิดกรรโชก เพราะจำเลยไม่มีทางได้ประโยชน์โดยมิชอบแต่ประการใดแต่ผิด ๓๐๙วรรคสอง(เป็นการกระทำโดยมีอาวุธ) ,จำเลยข่มขืนใจให้หยุดรถและหันปืนมาเตรียมยิงผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่หยุดและขับรถหนีผิดพยายาม , พนักงานตำรวจข่มขืนใจให้มอบเงิน๕๐๐บาทผู้เสียหายจ่าย๑๐๐บาทจึงไม่พอใจ และทำร้ายผู้เสียหายและแกล้งจับโดยไม่มีอำนาจผิด๑๔๘,๓๓๗ว.๒ ,๓๐๙ว.๒,ม.๒๙๕ ความผิด๓๐๙ ๓๓๗ ผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นแม้จะยอมไม่เต็มตามที่ถูกเรียกร้องก็เป็นความผิดสำเร็จ,ใช้ปืนบังคับให้ไปส่งไม่ต้องการเอารถไม่เป็นชิงแต่เป็นความผิดตาม ป.อ.ม.๓๐๙วรรคสอง,
[2] กดจมน้ำเป็นการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าขาดตอน จำเลยอุ้มผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ก.ได้มาพูดขอตัวผู้เสียหายเพื่อนำส่งรพ.แต่จำเลยไม่ยอมคืนเป็นหน่วงเหนี่ยวอีกกรรม, แม้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานให้จับกุมและควบคุมผู้เสียหาย ผู้แจ้งไม่ผิด ๓๑๐ เพราะการจับเป็นเรื่องดุลพินิจของเจ้าพนักงานที่จะพิจารณาเห็นสมควรจับกุมอีกครั้งหนึ่ง,  แต่ถ้าแจ้งให้จับตามหมายที่ใช้ไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องดุลพินิจของเจ้าพนักงานแล้ว จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ ม.๘๔ ๓๑๐(แสดงว่าตำรวจเป็นตัวการ),การหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย “มุ่งที่ตัวบุคคล” ดังนี้การขัดขวางไม่ให้รถออกจากซอยโดยผู้เสียหายอาจเดินออกไปได้ จึงไม่เป็นความผิด ม.๓๑๐ ,การกักขังผู้อื่นในอาคารไม่ให้ออกไปที่อื่นเป็นหน่วงเหนี่ยวแต่การปิดประตูตึกหรืออาคารไม่ให้ผู้อยู่อาศัยเข้าไปในตึกหรืออาคาร ไม่เป็นความผิดตาม ๓๑๐ วรรคหนึ่ง(๒๑/๒๕๓๑),

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น