มาตรา ๑๔๔ ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อื่นใด[1]แก่เจ้าพนักงาน
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทำการ
ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วย[2]หน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[1] เจ้าพนักงานต้องยังมีอำนาจหน้าที่
หากพ้นอำนาจจึงขอให้ไม่ผิดเช่น กำนันรายงานคดีไปที่อำเภอและอำเภอเรียกพยานสอบสวนแล้ว
ให้เงินกำนันไม่ผิดเพราะเป็นการพ้นอำนาจกำนันแล้ว ,ถือว่ายังมีหน้าที่ เช่น
ตำรวจได้รับการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อื่น(ก.ร.อ.ป.ร.)ยังมีอำนาจสอบสวนคดีอาญา,การให้สินบนพนักงานสอบสวนผิดตาม ๑๖๗ จึงเป็นบทเฉพาะแล้วไม่ผิด
๑๔๔อีก แต่คำว่า “พนักงานสอบสวน”ตาม ๑๖๗
มีความหมายว่าเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นเท่านั้น การให้สินผลไม่ผิด
๑๖๗ แต่ผิด ๑๔๔ ฎ๘๑๘๑/๒๕๔๔ ,
[2] ต้องเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง
ดังนั้นการเบิกความต่อศาลแม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่เป็นการกระทำในหน้าที่โดยเฉพาะ
ดังนั้นการให้สินบนเพื่อจูงใจให้เบิกความเท็จจึงไม่ผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน
๑๓๖๒/๔๗
(การที่เจ้าพนักงานผู้จับกุมผู้กระทำความผิดมีหน้าที่ต้องเบิกความต่อศาลตามความสัจจริงในระหว่างเป็นพยานในคดีที่ผู้กระทำความผิดถูกฟ้องนั้นเป็นหน้าที่อย่างเดียวกับประชาชนทั่วไป
หาใช่หน้าที่โดยตรงสืบเนื่องมาจากที่เป็นเจ้าพนักงานผู้จับกุมผู้กระทำความผิดไม่
หน้าที่ต้องเบิกความตามความสัจจริงจึงไม่เป็นการกระทำการในหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะแม้จำเลยทั้งสามจะให้การรับว่าให้เงินเพื่อจูงใจก็ไม่เป็นความผิด
๑๒๖๒/๔๗,ราษฎรให้สินบนผิด ๑๔๔ พนักงานผิด ๑๔๙
และราษฎรไม่ผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานอีก,โดนจับเรื่องยาเสพติดไปติดต่อดาบตำรวจให้เปลี่ยนข้อหาจากมีไว้เพื่อจำหน่ายเป็นมีไว้เพื่อครอบครองโดยเสนอเงิน๗๐,๐๐๐
บาทย่อมเป็นการกระทำเพื่อให้ดาบไปดำเนินการให้ผู้บังคับบัญชากระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่
เมื่อนายพันตรีทราบความประสงค์โดยวางแผนจับกุม
ถือได้ว่าจำเลยขอให้ทรัพย์สินแก่ดาบตำรวจและพันตำรวจตรี
เพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่
การที่ดาบตำรวจจะมีหน้าที่หรือไม่จึงหาใช่สาระสำคัญ๓๐๙๖/๕๒(เพียงขอให้ก็ผิดสำเร็จไม่ต้องส่งมอบเงิน),
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น