วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๑๔๘


[1]มาตรา ๑๔๘  ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน [2]ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต



[1] ความแตกต่างระหว่าง ๑๔๘และ ๑๔๙ คือ  ๑๔๘ เป็นเรื่องเจ้าพนักงานมีเจตนาแต่แรกที่จะกระทำทุจริตโดยใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ ส่วน ๒๔๙ เป็นเรื่องเจ้าพนักงานเริ่มใช้อำนาจหน้าที่โดยชอบแล้วกลับทุจริตในภายหลัง , ความผิดสำเร็จแม้ผู้ถูกข่มขืนใจหรือจูงใจไม่ได้มอบให้ หรือไม่ยอมมอบให้หรือหามาให้  ,ความผิดตาม ๑๔๘ อาจมีความผิดฐานกรรโชกตาม ๓๓๗ อีกด้วย ,เมื่อปรับความผิดตามมาตรา ๑๔๘ อันเป็นบทเฉพาะแล้วไม่จำต้องปรับความผิดตามมาตรา ๑๕๗ อีก
[2] การใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบนั้น ในส่วนของการกระทำจะต้องเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานผู้กระทำได้ใช้อำนาจในตำแหน่งที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่โดยตรงดังนั้น กรณีจำเลยเป็นเจ้าพนักงานดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน มีหน้าที่เพียงแนะนำประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับที่ดินในเรื่องการจดทะเบียนและนิติกรรมและปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน หาได้มีอำนาจหน้าที่ในการขอตั้งผู้จัดการมรดก การจูงใจเพื่อให้มอบเงินที่จำเลยจะไปดำเนินการขอตั้งผู้จัดการมรดก จึงนอกเหนืออำนาจหน้าที่ไม่ผิด๕๒๘๘/๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น