หมวด ๕
ความผิดฐานยักยอก
มาตรา ๓๕๒ ผู้ใด[1]ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น
หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย [2]เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด
เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด
หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้
ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง
มาตรา ๓๕๓
ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น
หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต
จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๕๔ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา
๓๕๒ หรือมาตรา ๓๕๓ ได้กระทำในฐานที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งของศาล
หรือตามพินัยกรรม หรือในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ
อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๕๕
ผู้ใดเก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า
อันซ่อนหรือฝังไว้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้
แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๕๖ ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
[1] หลัก
ความผิดฐานหลักทรัพย์กับความผิดฐานยักยอก ข้อแตกต่างที่สำคัญ
คือทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดหรือไม่
ถ้าความครอบครองอยู่ที่ผู้กระทำความผิด เป็นได้แต่เฉพาะความผิดฐานยักยอก,กรณีถือว่า
เป็นการครอบครอง ได้แก่ เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้ครอบครอง ศาสนสมบัติ
,รับราชการห่างไกลมอบให้คนอื่นดูแลกระบือแทน
,ผู้เช่าบ้านดูแลรักษาทรัพย์ในบ้านแทนผู้ให้เช่า
,ซื้อที่ดินให้จำเลยลงชื่อรับโอนแทน โดยไม่เคยเข้าครอบครองทรัพย์ แม้จำเลยจะโอนให้คนอื่นก็ไม่เป็นความผิด
๖๐๑๑/๓๑ ,การมอบทรัพย์สินให้ไปขายถือว่าได้มอบการครอบครองแล้ว เช่น
มอบทรัพย์ให้ไปขายโดยกำหนดราคาขายให้ แล้วนำไปขายต่ำกว่าราคาที่กำหนด
และไม่ยอมชำระเงินผิดยักยอก
,ความผิดฐานยักยอกมิใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เท่านั้น บุคคลอื่นอาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองได้
“ข้อที่ว่าผู้ใดครอบครองทรัพย์”
มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้กระทำ(แต่ตามม.๓๕๔ เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว)
[2] การเบียดบังมีความหมายว่า ต้องเป็นการเอาไปในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ ดังนั้นหากจำเลยยึดหน่วงทรัพย์สินไว้เพื่อต่อรองค่าเสียหายไม่เป็นความผิด
เช่น ผู้เสียหายนำพระมามอบให้ทำกรอบทอง
แต่จำเลยทำเศียรพระบิ่นตกลงใช้ค่าเสียหายโดยนำพระมาทำกรอบทองอีก ๒ องค์
จำเลยคืนพระไป ๑ องค์เหลืออีก ๑ องค์เห็นว่าค่าเสียหายสูงเกินต้องการตกลงกันใหม่
ไม่มีเจตนาเบียดบัง ๕๗๒/๔๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น