วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๓๕๒-๓๕๖


หมวด ๕
ความผิดฐานยักยอก
                       

มาตรา ๓๕๒  ผู้ใด[1]ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย [2]เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง

มาตรา ๓๕๓  ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๕๔  ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๕๒ หรือมาตรา ๓๕๓ ได้กระทำในฐานที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งของศาล หรือตามพินัยกรรม หรือในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๕๕  ผู้ใดเก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า อันซ่อนหรือฝังไว้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๕๖  ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้



[1] หลัก ความผิดฐานหลักทรัพย์กับความผิดฐานยักยอก ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดหรือไม่ ถ้าความครอบครองอยู่ที่ผู้กระทำความผิด เป็นได้แต่เฉพาะความผิดฐานยักยอก,กรณีถือว่า เป็นการครอบครอง ได้แก่ เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้ครอบครอง ศาสนสมบัติ ,รับราชการห่างไกลมอบให้คนอื่นดูแลกระบือแทน ,ผู้เช่าบ้านดูแลรักษาทรัพย์ในบ้านแทนผู้ให้เช่า ,ซื้อที่ดินให้จำเลยลงชื่อรับโอนแทน โดยไม่เคยเข้าครอบครองทรัพย์ แม้จำเลยจะโอนให้คนอื่นก็ไม่เป็นความผิด ๖๐๑๑/๓๑ ,การมอบทรัพย์สินให้ไปขายถือว่าได้มอบการครอบครองแล้ว เช่น มอบทรัพย์ให้ไปขายโดยกำหนดราคาขายให้ แล้วนำไปขายต่ำกว่าราคาที่กำหนด และไม่ยอมชำระเงินผิดยักยอก ,ความผิดฐานยักยอกมิใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เท่านั้น บุคคลอื่นอาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองได้ ข้อที่ว่าผู้ใดครอบครองทรัพย์ มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้กระทำ(แต่ตามม.๓๕๔ เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว)
[2] การเบียดบังมีความหมายว่า  ต้องเป็นการเอาไปในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์  ดังนั้นหากจำเลยยึดหน่วงทรัพย์สินไว้เพื่อต่อรองค่าเสียหายไม่เป็นความผิด เช่น ผู้เสียหายนำพระมามอบให้ทำกรอบทอง แต่จำเลยทำเศียรพระบิ่นตกลงใช้ค่าเสียหายโดยนำพระมาทำกรอบทองอีก ๒ องค์ จำเลยคืนพระไป ๑ องค์เหลืออีก ๑ องค์เห็นว่าค่าเสียหายสูงเกินต้องการตกลงกันใหม่ ไม่มีเจตนาเบียดบัง ๕๗๒/๔๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น