วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๕๘


มาตรา ๕๘  เมื่อความปรากฏแก่[1]ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า [2]ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา ๕๖ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ [3]และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษา[4]คดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี
แต่ถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา ๕๖ ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรก ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกกำหนดโทษ หรือถูกลงโทษในคดีนั้น แล้วแต่กรณี



[1] ศาลหมายถึง ศาลทุกชั้นศาล
[2] ต้องภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถ้าความผิดหลังกระทำก่อนศาลคดีก่อนมีคพิพากษาให้รอการลงโทษก็ไม่เช้าหลักเกณฑ์
[3] คดีหลังศาลต้องพิพากษาลงโทษจำคุก หากไม่ใช่ เช่น คดีหลังศาลรอการลงโทษ เปลี่ยนโทษเป็นฝึกอบรม ลงโทษปรับ นำโทษมาบวกไม่ได้ และหากศาลคดีหลังพิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตไม่อาจบวกโทษที่รอไว้ในคดีก่อนได้ ต่างจากนับโทษต่อแม้คดีก่อนขอให้นับโทษจำคุกตลอดชีวิตก็นับโทษต่อได้(ม.๒๒)
[4] ศาลมีอำนาจบวกโทษที่จำคุกได้โดยโจทก์ไม่ต้องมีคำขอ กรณีไม่อยู่ในบังคับ ปวิอ.ม.๑๕๘(๕)(๖)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น