มาตรา ๕๘ เมื่อความปรากฏแก่[1]ศาลเอง
หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า [2]ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา
๕๖ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระท โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ [3]และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น
ให้ศาลที่พิพากษา[4]คดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง
หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี
แต่ถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา ๕๖
ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรก ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกกำหนดโทษ
หรือถูกลงโทษในคดีนั้น แล้วแต่กรณี
[1] ศาลหมายถึง
ศาลทุกชั้นศาล
[2] ต้องภายในเวลาที่ศาลกำหนด
ถ้าความผิดหลังกระทำก่อนศาลคดีก่อนมีคพิพากษาให้รอการลงโทษก็ไม่เช้าหลักเกณฑ์
[3] คดีหลังศาลต้องพิพากษาลงโทษจำคุก
หากไม่ใช่ เช่น คดีหลังศาลรอการลงโทษ เปลี่ยนโทษเป็นฝึกอบรม ลงโทษปรับ
นำโทษมาบวกไม่ได้
และหากศาลคดีหลังพิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตไม่อาจบวกโทษที่รอไว้ในคดีก่อนได้
ต่างจากนับโทษต่อแม้คดีก่อนขอให้นับโทษจำคุกตลอดชีวิตก็นับโทษต่อได้(ม.๒๒)
[4] ศาลมีอำนาจบวกโทษที่จำคุกได้โดยโจทก์ไม่ต้องมีคำขอ
กรณีไม่อยู่ในบังคับ ปวิอ.ม.๑๕๘(๕)(๖)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น