มาตรา ๘๔ ผู้ใด[1]ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้
บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด
ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ
ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ
ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด
ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
[1] ถือว่า “ก่อ” ได้แก่
เพียงตะโกนว่า เอาเลย เป็นการยุยงส่งเสริม หรือยิงเลย
ผู้ใช้
๑.การใช้ให้กระทำความผิด ผู้ถูกใช้ต้องกระทำโดยเจตนา ถ้าผู้ถูกใช้ไม่มีเจตนาในการกระทำความผิดไม่ใช่เป็นการใช้ แต่ถือว่า เป็นการกระทำความผิดเองของผู้ใช้โดยอ้อมโดยอาศัยผู้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เช่น ผู้จัดการใช้ภารโรงเผาสัญญากู้ของสหกรณ์เพราะเชื่อว่าเป็นคำสั่งโดยชอบ
๒.หากราษฎรใช้เจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ความผิดต่อตำแหน่งราชการเจ้าพนักงานเท่านั้นที่เป็นผู้กระทำความผิด ราษฎรไม่อาจรับโทษเสมือนตัวการได้ แต่ต้องรับโทษฐานสนับสนุน (ฎ ๒๐๗๙/๓๖) ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะปรับยาก
๓.ถ้าผู้ใช้เข้าร่วมกระทำด้วย ความผิดฐานเป็นผู้ใช้ย่อมเกลื่อนกลืนเป็นตัวการร่วม เช่นร้องบอกให้เพื่อนยิงตำรวจ และเข้าดึงท้ายปืนตำรวจไว้ไม่ให้ป้องกันตัว ผิดตัวการเพราะเป็นการนยัวยุให้ผู้อื่นกระทำความผิดและร่วมกันกระทำความผิด จึงเกลื่อนกลืนเป็นกรรมเดียวฐานเป็นตัวการร่วม
๔.ผู้ใช้ต้องรับผิดภายในขอบเขตของการใช้เท่านั้นตามม.๘๗
๕.หากนายแดงจ้างนายดำฆ่านายขาวแต่นายดำไม่ทำ โดยรับปากจะไปจ้างนายเขียวแต่ยังไม่ได้ไป ยังไม่เป็นความผิดฐานใช้เพราะอยู่ในขั้นตระเตรียมห่างไกลต่อผลมาก
๖.ใช้ให้กระทำความผิด พลาดไปถูกผู้อื่น ผู้ใช้ต้องรับผิดในผลดังกล่าวด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น