[1] ฟ้อง
รวมถึงการที่ผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการด้วย, และแม้ฟ้องเดิมไม่เท็จแต่ขอแก้ฟ้องให้เท็จก็ผิด,
[2] การกล่าวหาว่าผู้อื่นกระทำความผิด
ต้องเป็นฟ้องเท็จในองค์ประกอบความผิด
ดังนั้นการฟ้องเท็จเพื่อให้มีอำนาจฟ้องไม่ใช่การกล่าวหาว่าผู้อื่นกระทำความผิดอาญา
เช่น เท็จในเรื่องการเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแม้จะไม่จริงไม่ผิดเป็นแต่แสดงว่ามีอำนาจฟ้องเท่านั้น
, ผู้นำเงินไปเช็คไปเข้าบัญชีไม่จริง(ไม่ผิดฟ้องเท็จเพราะไม่ใช่องค์ประกอบความผิด) แต่ผิดเบิกความเท็จเพราะถือว่าเป็นข้อสำคัญในคดี(ผู้นำเช็คไปเข้าบัญชีย่อมเป็นผู้ทรง),การพิจารณาว่าฟ้องเท็จหรือไม่
ต้องพิจารณาจากเนื้อหาแห่งคดีที่บรรยายฟ้องเป็นสำคัญ ดังนั้นบรรยายฟ้องว่าที่เกิดเหตุเป็นเท็จ หรือคำขอท้ายฟ้องที่อ้างบทลงโทษหนักกว่าที่บรรยาย
ไม่ผิดฟ้องเท็จ เช่นฟ้องว่าหมิ่น แต่ระบุสถานที่เท็จและมีคำขอลงโทษแรงกว่าเป็นจริง
(ไม่ใช่เนื้อหาแห่งการกระทำความผิด),ความผิดสำเร็จทันที่ยื่นฟ้อง แม้จะถอนระหว่างไต่สวนมูลฟ้องก็ผิด
เพราะ๑๗๕,๑๗๖ ไม่ได้บัญญัติว่าการถอนฟ้องก่อนศาลประทับฟ้องจะไม่ผิด
แต่เป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ๑๗๖,การฟ้องเท็จคดีแพ่งไม่เป็นความผิดตาม๑๗๕
เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติและไม่เป็นการแจ้งความเท็จตาม๑๓๗เพราะการฟ้องไม่เป็นการแจ้งความ
และศาลจดก็ไม่ผิด ๒๖๗ เพราะกระบวนพิจารณาไม่ใช่เอกสารที่จะใช้เป็นพยานหลักฐาน,ออกเช็คค้ำประกัน
แต่นำเช็คไปฟ้องคดีว่าออกชำระหนี้เป็นฟ้องเท็จ
ต่อมาเบิกความว่าออกชำระหนี้ผิดถือว่าเป็นข้อสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น