[1]มาตรา ๖๒ ข้อเท็จจริงใด [2]ถ้ามีอยู่จริงจะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง
แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง
ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิด หรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่งมาตรา ๕๙
หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก
ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำความผิด ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำโดยประมาท
ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า
การกระทำนั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด
บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น
[1] จะนำหลักม.๖๒
มาใช้ต่อเมื่อ
๑.การกระทำต้องครบองค์ประกอบภายนอก
๒.มีเจตนา
๓.ผู้กระทำสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
๔.ความจริงเป็นผลร้ายแต่เข้าว่าเป็นผลดีหรือเป็นคุณมากกว่าความจริง
ข้อสังเกต
๑.การกระทำต้องครบองค์ประกอบภายนอก
๒.มีเจตนา
๓.ผู้กระทำสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
๔.ความจริงเป็นผลร้ายแต่เข้าว่าเป็นผลดีหรือเป็นคุณมากกว่าความจริง
ข้อสังเกต
๑.การสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
จะต้องมีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุจูงใจให้สำคัญผิด
จำเลยจะอ้างเอาการคาดคะเนเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
๒.ความแตกต่างระหว่างม.๖๑
กับม.๖๒ คือความสำคัญผิดในมาตรา ๖๑ เป็นเรื่องการสำคัญผิดในตัวบุคคล
ซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็ผิดทั้งนั้น
ส่วนความสำคัญผิดมาตรา๖๒ เป็นความสำคัญผิดที่จะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด
ไม่ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง
๓.การป้องกันโดยสำคัญผิดก็มีได้
เช่นในช่วงเกิดเหตุระแวก บ้านมีโจรชุกชุม เคยถูกขโมยเข้าบ้าน
ลูกเลี้ยงเข้ามาทางช่องลมในเวลากลางคืน
ในห้องมืดสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจึงยิงป้องกันตัว ๑นัด เป็นป้องกันโดยสำคัญผิด ๖๘
ประกอบ ๖๒
๔.บันดาลโทสะโดยสำคัญผิดก็มีได้
เช่น ผู้เสียหายกับภริยาจำเลยเคยลักลอบได้เสียกัน เคยเรียกมาตักเตือน
ในวันเกิดเหตุพบผู้เสียหายกับภริยาอยู่ด้วยกันลำพังในป่าละเมาะ
สำคัญผิดว่าผู้เสียหายลักลอบได้เสีย
๕.สำคัญผิดว่ามีอำนาจทำได้ก็ไม่ผิด
เช่น ผู้ให้เช่าได้เปลี่ยนกุญแจห้องเช่า
และแจ้งให้ตำรวจมาเป็นพยานการขนย้ายของที่ผู้เช่านำเข้ามาไปไว้ที่สถานีตำรวจ
ตำรวจไม่ผิดเพราะเข้าใจว่ามีอำนาจกระทำได้
[2] จำเลยนอนอยู่ขนำกุ้งเห็นรถเข้ามาก็เปิดไฟส่อง
ถนนเข้าขนำกุ้งไม่เป็นถนนสาธารณะเข้ามาเวลา ๓ น.ผู้เสียหายขับรถชนรถมอเตอร์ไชด์ล้ม
ย่อมทำให้จำเลยตกใจกลัวและสำคัญผิดว่าเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง
จำเลยยิงปืนหนึ่งนัดขึ้นฟ้า ผู้เสียหายเปิดประตูรถลงมาจำเลยจึงได้ยิง
เป็นการป้องกันให้พ้นจากอันตรายที่จำเลยสำคัญผิด ม.๘๘ ประกอบ ๖๒ วรรคแรก
๒๒๕๐/๒๕๕๓ ,ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยรู้ว่ารถยนต์กระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แต่ไม่รู้ว่าที่จริงได้มาจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
คงลงโทษในความผิด ๓๕๗วรรคแรก ไม่อาจลง ๓๕๗ วรรคสอง
ทั้งกรณีการที่จำเลยจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามลักษณะฉกรรจ์ก็ต่อเมื่อได้ความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้ว่าทรัพย์ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
๓๓๓๙/๒๕๕๒ ,
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น