วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๖๒


[1]มาตรา ๖๒  ข้อเท็จจริงใด [2]ถ้ามีอยู่จริงจะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิด หรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่งมาตรา ๕๙ หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำความผิด ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า การกระทำนั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น



[1] จะนำหลักม.๖๒ มาใช้ต่อเมื่อ 
           ๑.การกระทำต้องครบองค์ประกอบภายนอก 
           ๒.มีเจตนา
           ๓.ผู้กระทำสำคัญผิดในข้อเท็จจริง 
           ๔.ความจริงเป็นผลร้ายแต่เข้าว่าเป็นผลดีหรือเป็นคุณมากกว่าความจริง
ข้อสังเกต
          ๑.การสำคัญผิดในข้อเท็จจริง จะต้องมีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุจูงใจให้สำคัญผิด จำเลยจะอ้างเอาการคาดคะเนเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
           ๒.ความแตกต่างระหว่างม.๖๑ กับม.๖๒ คือความสำคัญผิดในมาตรา ๖๑ เป็นเรื่องการสำคัญผิดในตัวบุคคล ซึ่งแม้จะกระทำต่อบุคคลใดก็ผิดทั้งนั้น  ส่วนความสำคัญผิดมาตรา๖๒ เป็นความสำคัญผิดที่จะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด ไม่ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง
          ๓.การป้องกันโดยสำคัญผิดก็มีได้ เช่นในช่วงเกิดเหตุระแวก บ้านมีโจรชุกชุม เคยถูกขโมยเข้าบ้าน ลูกเลี้ยงเข้ามาทางช่องลมในเวลากลางคืน ในห้องมืดสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจึงยิงป้องกันตัว ๑นัด เป็นป้องกันโดยสำคัญผิด ๖๘ ประกอบ ๖๒
          ๔.บันดาลโทสะโดยสำคัญผิดก็มีได้ เช่น ผู้เสียหายกับภริยาจำเลยเคยลักลอบได้เสียกัน เคยเรียกมาตักเตือน ในวันเกิดเหตุพบผู้เสียหายกับภริยาอยู่ด้วยกันลำพังในป่าละเมาะ สำคัญผิดว่าผู้เสียหายลักลอบได้เสีย
          ๕.สำคัญผิดว่ามีอำนาจทำได้ก็ไม่ผิด เช่น ผู้ให้เช่าได้เปลี่ยนกุญแจห้องเช่า และแจ้งให้ตำรวจมาเป็นพยานการขนย้ายของที่ผู้เช่านำเข้ามาไปไว้ที่สถานีตำรวจ ตำรวจไม่ผิดเพราะเข้าใจว่ามีอำนาจกระทำได้

[2] จำเลยนอนอยู่ขนำกุ้งเห็นรถเข้ามาก็เปิดไฟส่อง ถนนเข้าขนำกุ้งไม่เป็นถนนสาธารณะเข้ามาเวลา ๓ น.ผู้เสียหายขับรถชนรถมอเตอร์ไชด์ล้ม ย่อมทำให้จำเลยตกใจกลัวและสำคัญผิดว่าเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยยิงปืนหนึ่งนัดขึ้นฟ้า ผู้เสียหายเปิดประตูรถลงมาจำเลยจึงได้ยิง เป็นการป้องกันให้พ้นจากอันตรายที่จำเลยสำคัญผิด ม.๘๘ ประกอบ ๖๒ วรรคแรก ๒๒๕๐/๒๕๕๓    ,ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยรู้ว่ารถยนต์กระบะของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แต่ไม่รู้ว่าที่จริงได้มาจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ คงลงโทษในความผิด ๓๕๗วรรคแรก ไม่อาจลง ๓๕๗ วรรคสอง ทั้งกรณีการที่จำเลยจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามลักษณะฉกรรจ์ก็ต่อเมื่อได้ความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้ว่าทรัพย์ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ๓๓๓๙/๒๕๕๒ ,

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น