หมวด ๓
ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา ๓๒๖ ผู้ใด[1]ใส่ความผู้อื่นต่อ[2]บุคคลที่สาม
[3]โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง
[4]ถูกดูหมิ่น
หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๒๗
ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สาม และการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา
มารดา คู่สมรส
หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๓๒๖ นั้น
มาตรา ๓๒๘
ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำ[5]โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ
แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง
หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา ๓๒๙
ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็น[6]เจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) [7]ติชมด้วยความเป็นธรรม
ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่อง[8]การดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา ๓๓๐ ในกรณีหมิ่นประมาท
ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด [9]พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง
ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์
ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
มาตรา ๓๓๑ คู่ความ
หรือทนายความของคู่ความ ซึ่ง[10]แสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล
เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา ๓๓๒
ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง
(๑) ให้ยึด และทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
(๒) [11]ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด
หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง
โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
มาตรา ๓๓๓
ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา
คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
[1] ใส่ความ พจนานุกรมหมายถึง
หาเหตุร้ายกล่าวเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเช่น
การกล่าวตามข้อความที่ได้รับบอกเล่ามาต่อบุคคลที่สาม
,มีผู้นำจดหมายมาส่งที่มีข้อความหมิ่นมาส่งให้จำเลยอ่านและเอาจดหมายให้บุคคลที่สามอ่าน
เป็นการ
แสดงความให้ปรากฏแก่บุคคลที่สามถือว่าจำเลยได้ใส่ความผู้เสียหายด้วยถ้อยคำนั้นแล้ว,เป็นการตอบคำถามสมุห์บัญชี,กรณีไม่เป็นการใส่ความเช่นการใส่ความต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่กล่าวหากเป็นเพียงการคาดคะเน
หรือคำขู่ไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง
เช่นการถามว่าผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวหรือไม่,หรือโจทก์ร่วมเป็นบุคคลวิกลจริต
ไม่สามารถทำงานได้(เลื่อนลอยไม่ยืนยันข้อเท็จจริง) ,ถ้อยคำที่เปรียบเทียบไม่สุภาพ
เหยียดหยามทำให้อับอายเช่น โจทก์ยกที่ดินให้แล้วยังจะเอาคืน
เสือกโง่เองอย่าหวังได้คืนเป็นการถ้อยคำไม่สุภาพเท่านั้น
,การลงในหนังสือพิมพ์ประกาศจับผู้อื่นโดยอ้างว่ากระทำความผิด
มีการลงรูปด้วยทั้งที่รู้ที่อยู่ที่ชัดเจนเป็นหมิ่น,การใส่ความกลุ่มบุคคล
โดยไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงบุคคลใดโดยเฉพาะและถ้อยคำที่กล่าวว่าไม่อาจเข้าใจว่าหมายถึงผู้ใดไม่เป็นหมิ่น
เช่นแพทย์ชายในศิริราช,การกล่าวถึงกองทัพไม่ระบุว่ากองทัพใด
แต่ถ้าใส่ความทุกคนในกลุ่มเป็นหมิ่นเช่น ทนายความเมืองร้อยเอ็ดครบไม่ได้ทนายมี
๑๐คนหมิ่น
[2] การส่งจดหมายให้โจทก์โดยตรงไม่เป็นการใส่ความแม้บุคคลที่สามจะทราบเองไม่ผิด(เรื่องนอกเหนือเจตนา)
[3] โดยประการที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นเกียรติชัง
กล่าวถึงข้อความที่เป็นไปไม่ได้ย่อมไม่ทำให้คนเชื่อและถูกดูหมิ่นเช่นเป็นผีปอบ
เป็นชาติหมา (เพราะต้องทำให้คนฟังเชื่อ)
หรือเป็นชายเจ้าชู้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
,การแจ้งความเท็จเพื่อเป็นหลักฐานแม้ไม่ผิด ๑๓๖ แต่ผิดหมิ่นได้
[4] พิจารณาจากความรู้สึกของวิญญูชนทั่วไป
มิใช่พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทอย่างเดียว,เช่นการระบายความรู้สึกในศาล,ความแตกต่างระหว่างดูหมิ่นกับหมิ่นประมาทได้แก่
ดูหมิ่นหมายถึงเป็นการประทุษร้ายต่อเกียรติที่บุคคลมีอยู่ในตัวโดยผู้ถูกดูหมิ่นถูกลดคุณค่าที่มีอยู่ในตัวของผู้ถูกดูหมิ่นด้วยตนเองส่วนหมิ่นประมาทเป็นการประทุษร้ายต่อเกียรติที่บุคคลมีอยู่ในสังคม
โดยผู้หมิ่นประมาททำให้บุคคลที่สามเป็นผู้ลดคุณค่าที่มีอยู่ในสังคมของผู้ถูกหมิ่นประมาทเอง
[5] ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ด้วยข้อความหมิ่นประมาท
เป็นความผิดตาม ๓๒๖ ไม่ผิด๓๒๘ โดยไม่ปรากฏว่า ใช้บังคับหรือจ้างวานหนังสือพิมพ์
,การปรับบท ๓๒๘ ไม่ต้องยกปรับ
๓๒๖เพราะมิใช่การกระทำความผิดหลายบท(เพราะเป็นการลำดับโทษเป็นขั้น ๆ
ไปตามลักษณะฉกรรจ์ มิใช่เป็นความผิดหลายบทตาม ม.๙๐ หรือเป็นความผิดตาม ๓๒๘
แล้วไม่จำต้องยกม.๓๒๖ขึ้นปรับโทษอีก,
[6] ถือว่าแสดงความคิดเห็นหรือแสดงข้อความโดยสุจริตโจทก์ขอกลับเข้ารับราชการ
มีหนังสือสอบถามจำเลยทำหนังสือตอบว่าเพราะมีมลทินมัวหมอง
เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต,แจ้งว่ามีข้าราชการเรียกเอาเงินจากผู้มารับบริการ
(เพราะมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังสุจริต
รักษาชื่อเสียงทางราชการถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะฟ้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงาน)ถือว่าไม่สุจริต ได้แก่
ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาทำบันทึกกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้ว่า ,
[7] ติชมด้วยความเป็นธรรม
เช่น ภริยาร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาเรื่องโจทก์มีความสัมพันธ์กับสามีเกินกว่าธรรมดา
[8] การแสดงความคิดเห็นเรื่องแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเช่น
คดีล้มละลายบรรยายฟ้องเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว,การนำข้อความตามคำฟ้องคดีอาญาต่อศาลมาลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นการรายงานข่าว
[9] หมิ่นนายกเทศมนตรีว่าจ่ายเช็คไม่มีเงิน
เป็นเรื่องส่วนตัว
[10] ในคดีฟ้องหย่า
โจทก์อ้างว่าอีกฝ่ายเป็นชู้กับบุคคลอื่นถือว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาของศาลเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี
[11] ให้อำนาจศาลให้มีคำสั่งให้โฆษณาเฉพาะคำพิพากษาเท่านั้น
มิได้ให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำขออภัยด้วย การที่ศาลล่างสั่งให้โฆษณาคำขออภัยเป็นการลงโทษนอกเหนือที่กฎหมายบัญญัติต้องห้ามตามม.๒วรรคหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น