วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ม.๓๒๖-๓๓๓


หมวด ๓
ความผิดฐานหมิ่นประมาท
                       

มาตรา ๓๒๖  ผู้ใด[1]ใส่ความผู้อื่นต่อ[2]บุคคลที่สาม [3]โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง [4]ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๓๒๗  ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สาม และการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา มารดา คู่สมรส  หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๓๒๖ นั้น

มาตรา ๓๒๘  ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำ[5]โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

มาตรา ๓๒๙  ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็น[6]เจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) [7]ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่อง[8]การดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

มาตรา ๓๓๐  ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด [9]พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

มาตรา ๓๓๑  คู่ความ หรือทนายความของคู่ความ ซึ่ง[10]แสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

มาตรา ๓๓๒  ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง
(๑) ให้ยึด และทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
(๒) [11]ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

มาตรา ๓๓๓  ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย



[1] ใส่ความ พจนานุกรมหมายถึง หาเหตุร้ายกล่าวเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเช่น การกล่าวตามข้อความที่ได้รับบอกเล่ามาต่อบุคคลที่สาม ,มีผู้นำจดหมายมาส่งที่มีข้อความหมิ่นมาส่งให้จำเลยอ่านและเอาจดหมายให้บุคคลที่สามอ่าน เป็นการ แสดงความให้ปรากฏแก่บุคคลที่สามถือว่าจำเลยได้ใส่ความผู้เสียหายด้วยถ้อยคำนั้นแล้ว,เป็นการตอบคำถามสมุห์บัญชี,กรณีไม่เป็นการใส่ความเช่นการใส่ความต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่กล่าวหากเป็นเพียงการคาดคะเน หรือคำขู่ไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เช่นการถามว่าผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวหรือไม่,หรือโจทก์ร่วมเป็นบุคคลวิกลจริต ไม่สามารถทำงานได้(เลื่อนลอยไม่ยืนยันข้อเท็จจริง) ,ถ้อยคำที่เปรียบเทียบไม่สุภาพ เหยียดหยามทำให้อับอายเช่น โจทก์ยกที่ดินให้แล้วยังจะเอาคืน เสือกโง่เองอย่าหวังได้คืนเป็นการถ้อยคำไม่สุภาพเท่านั้น ,การลงในหนังสือพิมพ์ประกาศจับผู้อื่นโดยอ้างว่ากระทำความผิด มีการลงรูปด้วยทั้งที่รู้ที่อยู่ที่ชัดเจนเป็นหมิ่น,การใส่ความกลุ่มบุคคล โดยไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงบุคคลใดโดยเฉพาะและถ้อยคำที่กล่าวว่าไม่อาจเข้าใจว่าหมายถึงผู้ใดไม่เป็นหมิ่น เช่นแพทย์ชายในศิริราช,การกล่าวถึงกองทัพไม่ระบุว่ากองทัพใด แต่ถ้าใส่ความทุกคนในกลุ่มเป็นหมิ่นเช่น ทนายความเมืองร้อยเอ็ดครบไม่ได้ทนายมี ๑๐คนหมิ่น
[2] การส่งจดหมายให้โจทก์โดยตรงไม่เป็นการใส่ความแม้บุคคลที่สามจะทราบเองไม่ผิด(เรื่องนอกเหนือเจตนา)
[3] โดยประการที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นเกียรติชัง กล่าวถึงข้อความที่เป็นไปไม่ได้ย่อมไม่ทำให้คนเชื่อและถูกดูหมิ่นเช่นเป็นผีปอบ เป็นชาติหมา (เพราะต้องทำให้คนฟังเชื่อ) หรือเป็นชายเจ้าชู้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ,การแจ้งความเท็จเพื่อเป็นหลักฐานแม้ไม่ผิด ๑๓๖ แต่ผิดหมิ่นได้
[4] พิจารณาจากความรู้สึกของวิญญูชนทั่วไป มิใช่พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทอย่างเดียว,เช่นการระบายความรู้สึกในศาล,ความแตกต่างระหว่างดูหมิ่นกับหมิ่นประมาทได้แก่ ดูหมิ่นหมายถึงเป็นการประทุษร้ายต่อเกียรติที่บุคคลมีอยู่ในตัวโดยผู้ถูกดูหมิ่นถูกลดคุณค่าที่มีอยู่ในตัวของผู้ถูกดูหมิ่นด้วยตนเองส่วนหมิ่นประมาทเป็นการประทุษร้ายต่อเกียรติที่บุคคลมีอยู่ในสังคม โดยผู้หมิ่นประมาททำให้บุคคลที่สามเป็นผู้ลดคุณค่าที่มีอยู่ในสังคมของผู้ถูกหมิ่นประมาทเอง
[5] ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ด้วยข้อความหมิ่นประมาท เป็นความผิดตาม ๓๒๖ ไม่ผิด๓๒๘ โดยไม่ปรากฏว่า ใช้บังคับหรือจ้างวานหนังสือพิมพ์ ,การปรับบท ๓๒๘ ไม่ต้องยกปรับ ๓๒๖เพราะมิใช่การกระทำความผิดหลายบท(เพราะเป็นการลำดับโทษเป็นขั้น ๆ ไปตามลักษณะฉกรรจ์ มิใช่เป็นความผิดหลายบทตาม ม.๙๐ หรือเป็นความผิดตาม ๓๒๘ แล้วไม่จำต้องยกม.๓๒๖ขึ้นปรับโทษอีก,
[6] ถือว่าแสดงความคิดเห็นหรือแสดงข้อความโดยสุจริตโจทก์ขอกลับเข้ารับราชการ มีหนังสือสอบถามจำเลยทำหนังสือตอบว่าเพราะมีมลทินมัวหมอง เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต,แจ้งว่ามีข้าราชการเรียกเอาเงินจากผู้มารับบริการ (เพราะมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังสุจริต รักษาชื่อเสียงทางราชการถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะฟ้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงาน)ถือว่าไม่สุจริต ได้แก่ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาทำบันทึกกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้ว่า ,

[7] ติชมด้วยความเป็นธรรม เช่น ภริยาร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาเรื่องโจทก์มีความสัมพันธ์กับสามีเกินกว่าธรรมดา
[8] การแสดงความคิดเห็นเรื่องแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเช่น คดีล้มละลายบรรยายฟ้องเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว,การนำข้อความตามคำฟ้องคดีอาญาต่อศาลมาลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นการรายงานข่าว
[9] หมิ่นนายกเทศมนตรีว่าจ่ายเช็คไม่มีเงิน เป็นเรื่องส่วนตัว
[10] ในคดีฟ้องหย่า โจทก์อ้างว่าอีกฝ่ายเป็นชู้กับบุคคลอื่นถือว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาของศาลเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี
[11] ให้อำนาจศาลให้มีคำสั่งให้โฆษณาเฉพาะคำพิพากษาเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำขออภัยด้วย การที่ศาลล่างสั่งให้โฆษณาคำขออภัยเป็นการลงโทษนอกเหนือที่กฎหมายบัญญัติต้องห้ามตามม.๒วรรคหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น