มาตรา ๑๕๗ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ[1]หน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่[2]โดยทุจริต
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
[1] หน้าที่
หมายความต้องมีหน้าที่และต้องเป็นหน้าที่โดยตรง เช่น
จำเลยแสดงตนเป็นตำรวจจับกุมผู้เสียหายแต่ไม่นำส่งสถานีแต่นำมากระทำชำเรา
แต่จำเลยถูกสั่งพักราชการแล้ว ไม่มีหน้าที่ไม่ผิด๑๕๗ ,การเบิกความในฐานะพยานต่อศาลมิใช่หน้าที่โดยตรงของเจ้าพนักงานไม่ผิด
๑๕๗ แต่ผิด๑๗๗ ,การใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบเพื่อกลั่นแกล้งบุคคลอื่นผิด ม.๑๕๗ เช่นกัน
รัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์
สั่งพักราชการปลัดพานิชย์ นายกสั่งให้ยกเลิกคำสั่งไม่ดำเนินการสั่งทิ้งเวลาถึง ๗
เดือน จำเลยมีหน้าที่แต่ละเว้นผิดม.๑๕๗, อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจ
แต่เป็นเพียงการวินิจฉัยมูลความตามที่กล่าวหา หากใช้ดุลพินิจไม่ชอบผิด๑๕๗
,เป็นพนักงานตำรวจร่วมเล่นการพนันในวงไพ่ ไม่จับกุมผู้เล่น ไม่ผิด๑๕๗
เพราะยังไม่ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร่วมเล่นหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
[2] นายช่างเป็นผู้ควบคุมงาน
กำนันเป็นประธานตรวจรับ มีหน้าที่ในการตรวจรับงานตามสัญญาจ้าง
โดยทราบว่าสัญญาจ้างยาว ๑,๓๕๐เมตร ไม่ไปตรวจแต่ได้ลงนาตรวจรับซึ่งถนนมีเพียง ๑,๐๒๔
เมตรเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทำเอกสารเท็จ
ด้วยเจตนาพิเศษที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อบต.เป็นการกระทำโดยทุจริต
แม้จะได้แจ้งนำเงินมาคืนแล้วก็เนื่องจากอบต.เรียกคืน ผิด ๑๕๗ ๑๖๒(๑)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น