หมวด ๘
ความผิดฐานบุกรุก
มาตรา ๓๖๒ ผู้ใด[1]เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ
อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๖๓
ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม
ยักย้ายหรือทำลาย[2]เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๖๔ ผู้ใดโดย[3]ไม่มีเหตุอันสมควร
เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ใน[4]เคหสถาน
อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๖๕ [5]ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๖๒ มาตรา ๓๖๓ หรือมาตรา ๓๖๔ ได้กระทำ
(๑) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
(๒) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ
(๓) [6]ในเวลากลางคืน
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๖๖ ความผิดในหมวดนี้
นอกจากความผิดตามมาตรา ๓๖๕ เป็นความผิดอันยอมความได้
[1] ต้องมีการเข้าไป ดังนั้น
การที่จำเลยเพียงแต่ใช้ขวดขว้างและใช้มีดฟันห้องพัก
และเรียกผู้เสียหายออกมาพูดคุยและขู่ฆ่า โดยจำเลยไม่เข้าไปในห้องพักไม่ผิดบุกรุก,แต่การที่จำเลยเอื้อมมือเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหายเพื่อจับผู้เสียหายกระชากออกไปถือว่าเข้าไปแล้ว,การที่จำเลยนำไม้ไปปิดหรือใส่กุญแจประตูทางเข้าออกจากอสังหาริมทรัพย์
ทำให้ผู้ครอบครองเข้าออกอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ได้
เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ผู้อื่นแล้วกรณีเป็นฎีกาเกี่ยวกับผู้ให้เช่ากับผู้เช่า
แม้จะเป็นเจ้าของและผู้เช่าผิดสัญญาเช่าการที่ผู้ให้เช่าไปปิดประตูเป็นบุกรุก,แม้จะมีคำพิพากษาศาลหากผู้เช่ายังไม่ทราบคำสั่งก็ผิด,(ผู้เช่ายังมีสิทธิครอบครองอยู่),ตามสัญญาเช่ามีข้อตกลงหากผู้เช่าผิดสัญญาให้ผู้ให้เช่าเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าได้
การที่ผู้ให้เช่าปิดล๊อคกุญแจอาคารที่เช่าเป็นการกระทำที่จำเลยเข้าใจว่าตนมีอำนาจทำได้ตามาสัญญาเป็นการกระทำโดยขาดเจตนา(ข้อตกลงมิใช่ปัญหาความสงบและและมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม,กรณีเข้าไปในบ้านของผู้อื่น
แต่เจ้าของบ้านเห็นเสียก่อนจำเลยจึงวิ่งหนีออกไปไม่เป็นการรบกวนหรือขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อสำรวจทรัพย์สินยังไม่เป็นการรบกวน
ไม่ผิด๓๖๒ แต่ผิด ๓๖๔,การเข้าไปรบกวนเช่น เข้าไปขับไล่บริวารออกไป
ดังนั้นการเข้าไปหาเรื่องชวนทะเลอะวิวาทและทำร้ายที่อยู่ในเคหสถาน
ไม่ถือว่าเป็นการรบกวน แต่เป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร,การครอบครองที่ดินมือเปล่าหลังจากสิทธิเรียกร้องเอาคืนภายใน
๑ ปีสิ้นสุดลงไม่ผิด ๒๑๓๗/๓๐,บทบัญญัติ ๓๖๒,๓๖๔
มุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ที่บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเท่านั้น
ไม่รวมที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน(ผิดตามป.ที่ดิน ๙ ๑๐๘(ทวิ))๕๖๑๖/๓๙,กรณีมีผู้เข้าไปครอบครองทำประโยชน์ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน(เขตป่าสงวนแห่งชาติ)
ซึ่งในนระหว่างราษฎรด้วยกันเอง ถือว่าผู้ครอบครองเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่น
แต่ใช้ยันรัฐไม่ได้ผู้นั้นไม่ใช่ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้นแม้มีผู้อื่นเข้าไปไม่ผิดบุกรุก,ในกรณีโจทก์กับจำเลยยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ว่าตนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหรือเป็นเจ้าของที่ดิน
การที่จำเลยเข้าไปในที่ดินเป็นเพราะเข้าใจโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิในที่ดินพิพาทถือว่าไม่มีเจตนาบุกรุก
มูลกรณีเป็นความรับผิดทางแพ่งไม่มีความผิดฐานบุกรุก(ไม่ผิดทำให้เสียทรัพย์ด้วย)
[2] ถอนหลักที่จ่าศาล
ปักไว้ในการรังวัดทำแผนที่ไม่ผิด ๓๖๓ เพราะ มิใช่เป็นการยักยอกหรือทำลายหลักเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาฯโดยแท้จริง
[3] กรณีถือว่ามีเหตุอันสมควร
ได้แก่ จำเลยเช่าเล้าเป็ดพ่อจำเลยอยู่จำเลยเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้ง
วันเกิดเหตุเข้าไปกระทำชำเราโดยผู้เสียหายยินยอม, ผู้เสียหายและจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวในวันเกิดเหตุมาบ้านผู้เสียหายและกอดรัดผู้เสียหาย
ในฐานะที่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แม้ผู้เสียหายจะปฏิเสธและจำเลยไม่เลิกรา
ก็น่าจะเป็นเพราะต้องการแสดงความรักต่อผู้เสียหาย ขาดเจตนาบุกรุก , จำเลยเข้าไปในบ้านผู้อื่นโดยบุตรสาวเจ้าของบ้านชวนหรือนัดเข้าไป
แม้ผู้เสียหาย(บิดา)จะมิได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไป
ก็มิใช่เป็นการเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งมิใช่เป็นการกระทำใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาฯของผู้เสียหายโดยปกติสุขตาม
ป.อ.ม.๓๖๒,๓๖๔
จำเลยไม่มีความผิด, เข้าไปตามเมีย , เข้าไปทวงค่าแรง,เข้าไปโดยได้รับความยินยอม(ไม่อาจถือว่าไม่มีเหตุอันสมควร)
เช่นอนุญาตเข้าไปค้น
,อนุญาตเข้าไปดูโทรทัศน์,แต่ถ้าห้องดูโทรทัศน์เป็นห้องแยกไปห้องนอนผิดบุกรุก,เข้าไปโดยถือวิสาสะไม่ผิด
[4] เคหสถาน
๑(๔)ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยเช่น เรือน และให้หมายความรวมถึง
บริเวณที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยนั้นด้วย จะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนี้
การที่จำเลยเข้ามาที่สนามหญ้าหน้าบ้านพักถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานแล้ว
[5] ความผิดตาม ๓๖๕
มิได้บัญญัติความผิดชัดแจ้งอยู่ในตัว ดังนั้น ในการปรับบทจะต้องปรับบทมาตรา
๓๒๖หรือ ๓๖๔ ประกอบด้วย
[6] สาระสำคัญของความผิดฐานบุกรุก
คือการเข้าไปในอสังหาฯหรือเคหสถาน ความผิดจึงเกิดขึ้นสำเร็จตั้งแต่จำเลยเข้าไป
ส่วนการที่ครอบครองต่อมาก็เป็นผลของการบุกรุกไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ดังนั้นหากตอนแรกที่จำเลยบุกรุกเป็นเวลากลางวัน
แม้จำเลยจะครอบครองในเวลากลางคืนด้วยก็ไม่เป็นความผิด,ความผิดฐานบุกรุกม.๓๖๒
มีสองตอนได้แก่ ตอนหนึ่งเข้าไปเพื่อถือการครอบครอง
อีกตอนหนึ่งคือเข้าไปทำการรบกวนการครอบครอง
เมื่อเข้าไปขั้นตอนแรกยุติลงการกระทำหลังก็ไม่เป็นความผิดต่อเนื่องติดต่อเกิดขึ้นตลอดเวลา
ผลไม่ผิดเวลากลางคืน อายุความจึงเริ่มนับแต่ครั้งแรกที่เข้าไป