วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ม.๑๗๔


มาตรา ๑๗๔  ถ้าการแจ้งข้อความตามมาตรา ๑๗๒ หรือมาตรา ๑๗๓ เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท
ถ้าการแจ้งตามความในวรรคแรก เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใด[1]ต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท



[1] แจ้งความโดยมีเจตนาแกล้งให้รับโทษฐานแกล้งได้รับโทษฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและเอาของมีพิษเจือลงในน้ำผิด ๑๒๗ และ๑๗๔วรรคสอง ,สำเร็จเมื่อพนักงานทราบข้อความที่จำเลยแจ้ง ศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรและถึงที่สุดหรือไม่ หาใช่ข้อสาระสำคัญ

.๑๓๙,๑๔๐


มาตรา ๑๓๙  ผู้ใด[1]ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินแปดพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

[2]มาตรา ๑๔๐  ถ้าความผิดตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๓๙ ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธ หรือ[3]โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ากระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง



[1] ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน แต่เจ้าพนักงานไม่ทำตามเป็นพยายามข่มขืนใจ(แสดงว่าต้องการผล)
[2] ความผิดตาม ๑๔๐ มิได้บัญญัติเป็นความผิดชัดแจ้งในตนเอง จึงต้องปรับบทลงโทษตาม ๑๓๘ วรรคสองประกอบ
[3] ต้องมีเจตนาร่วมกัน หากเกิดขึ้นทันทีทันใดผู้กระทำความผิดต่างหลบหนี การที่ผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าพนักงานเป็นเรื่องเฉพาะตัว ผู้กระทำความผิดคนนั้นเท่านั้นผิด๑๔๐ ,ต้องกระทำร่วมกันในลักษณะที่เป็นตัวการ

ม.๑๓๘


มาตรา ๑๓๘  ผู้ใด[1]ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือ[2]ผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมาย[3]ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการต่อสู้หรือขัดขวางนั้น ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



[1] ตำรวจเรียกให้หยุดกลับรถเลยไป ไม่หยุด ไม่เป็นการขัดขวาง  การดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้นการจับกุม เป็นขั้นตอนหนึ่งของการหลบหนี หรือการที่เจ้าพนักงานไปมีเรื่องกับจำเลยเป็นการส่วนตัวและมีการต่อสู้กันกับจำเลยไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่  ,ตำรวจเข้าไปร่วมจับกุมผู้ลักลอบเล่นไฮโล ไม่ได้จับแต่ขอแบ่งรายได้ไม่เป็นการทำตามหน้าที่ หนีไม่เป็นการขัดขวาง,ตำรวจของค้นอาวุธที่ตัวจำเลยจำเลยใช้มือกดไม่ให้ตำรวจดึงปืนออกมาเพื่อยึดเป็นของกลางเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย  ,จำเลยดับไฟขณะเข้าจับกุมแม้จะทำให้เกิดความไม่สะดวกถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดขวางแต่อาจผิด ๑๘๙ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดมิให้ถูกจับกุม ,เจ้าพนักงานโดดขึ้นไปบนรถเพื่อจับกุม จำเลยขับรถส่ายไปมาเป็นการขัดขวาง ,จำเลยขับรถหลบหนีชนรถยนต์ของทางราชการเป็นการขัดขวางและทำให้เสียทรัพย์,ไม่ได้แต่งชุดตำรวจและไม่แสดงตนค้นจำเลยต่อสู้ถือว่าขาดเจตนา
[2] ม.๒๘๙(๓)ใช้คำว่า ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน” ๑๓๘ ผู้ใดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเหลือเจ้าพนักงานดังนั้นมาตรา ๑๓๘ ต้องเป็นผู้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องช่วยจำเลยจึงจะมีความผิด  ดังนั้นการที่ตำรวจขอให้ราษฎรขับเรือไล่ตามคนร้ายผิด ๒๘๙(๓) แต่ไม่ผิด ๑๓๘ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ที่มีหน้าที่เช่น สารวัตรกำนันต้องช่วยกำนัน และเจ้าหน้าที่ต้องมีหน้าที่ด้วย  เช่นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมไม่ดำเนินการจับแต่ให้คนอื่นดำเนินการ ถือว่าทำโดยไม่มีอำนาจผู้ถูกจับไม่ผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานเช่นตำรวจใช้พนักงานรักษาความปลอดภัยจับกุม(ต้องมีตัวเจ้าพนักงานอยู่ในที่เกิดเหตุ)  ,
[3] การจับกุมไม่ชอบแม้จำเลยขัดขวางก็ไม่ผิดเช่นจับโดยไม่มีหมายเพราะมิใช่การกระทำตามหน้าที่ หรือทำรุนแรงเกินไปในการจับ(ตำรวจเข้ากลุ้มรุมทำร้ายจำเลย)

ฎีกาอาญาน่าสนใจ

๑.ถามเจ้าพนักงานตำรวจ  ปฏิบัติหน้าที่รับแจ้ง ๑๙๑ มีหน้าที่รับโทรศัพท์  โทรไปแจ้งว่ามีการระเบิดเป็นเท็จจะผิดอะไร
๑.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ๑๓๗  คงผิดแน่ เพราะเป็นเจ้าพนักงาน
๒.มาตรา ๑๗๓ ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ได้ว่ามีการกระทำความผิด
ฎีกา เจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่รับโทรศัพท์ เป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ราชการแต่งตั้ง แต่โดยทั่วไปเจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญา  เมื่อมีการแจ้งเท็จ จึงเป็นการแจ้งต่อพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ม.๑๗๓ ด้วย ๗๐๐๘/๔๘

๒.ถาม  เคยมอบหมายให้เป็นตัวแทนขายสินค้าและมอบใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี ไปใช้เก็บเงิน ต่อมาไม่ให้เป็นตัวแทนแล้วไม่ยอมคืนใบเสร็จรับเงินและใบกำกับสินค้าจะผิด ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ม.๑๘๘ หรือไม่
ตอบ  ไม่เพราะมาตรา ๑๘๘ เป็นความผิดต่อพนักงานในการยุติธรรม กำหมายคุ้มครองเอกสารที่เป็นพยานหลักฐานในทำนองเดียวกับพินัยกรรมเป็นสำคัญ  มิได้มุ่งถึงกรรมสิทธิหรือสิทธิในการเป็นเจ้าของกระดาษหรือวัตถุที่ทำให้ปรากฎความหมายเป็นเอกสาร คำว่า “เอาไปเสีย” ม.๑๘๘ ไม่ได้มีความหมายเช่นเดียวกับมาตรา ๓๓๔ แต่หมายถึงเอาไปจากที่เอกสารนั้นเคยอยู่ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นหรือประชาชนที่อาจขาดเอกสารเป็นพยานหลักฐาน  ตามข้อเท็จจริงเอกสารอยู่ในความครอบครองของจำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องคืน เมื่อให้คืนไม่คืนเป็นการโต้แย้งความผิดทางแพ่ง  ๘๔๕๐/๔๘

๓.ถ่ายเอกสารบัตรประชาชน แล้วมาแก้ไข โดยไม่ได้แก้ในเอกสารที่แท้จริงจะผิดปลอมเอกสารหรือไม่
ตอบ ผิด เพราะเป็นการปลอมขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยจะไม่ได้แก้ในเอกสารที่แท้จริง การกระทำของเป็นความผิดฐานปลอมบัตรประชาชน อันเป็นเอกสารราชการ

๔.แก้ไขหมายเลขประจำปืน จะเป็นการปลอมเอกสาร หรือเอกสารราชการ หรือเอกสารสิทธิ
ตอบ เลขหมายประจำปืน  ไม่ใช่ทะเบียนอาวุธปืนซึ่งเป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานจัดทำและมิได้เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ จึงไม่ใช่เอกสารราชการและเอกสารสิทธิ

๕.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเรา  ในคราวเดียวกันเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
ตอบ หลายกรรมเพราะ ความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำความผิดเป็นคนละเจตนา  และเป็นความผิดต่างฐาน  แม้จำเลยจะกระทำความผิดทั้งสองฐานเกี่ยวเนื่องกันไป ก็เป็นการกระทำความผิดหลายกรรม  ๔๖๑๐/๔๙

๖.พรากเด็กจากพ่อที่ไม่ได้จดทะเบียน  แต่เด็กอยู่ในความดูแลของพ่อมาตลอดจะเป็นการพรากหรือไม่
ตอบเป็นการพราก เพราะ คำว่า “พราก” หมายถึง ผู้กระทำความผิดได้กระทำการอันเป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา หรือต่อผู้ปกครอง หรือต่อผู้ดูแลผู้เยาว์ คดีนี้ผู้เสียหายอยู่ในความดูแลของบิดามาตลอด พ่อจึงเป็นผู้ปกครองผู้เสียหาย ๕๙๘๙/๔๘

๗.เป็นผู้ถือหุ้นกันภายในบริษัท  ตกลงเรื่องผลประโยชน์กันไม่ได้ จึงถอดเครื่องอุปกรณ์เครื่องจักรโรงงานไป จะผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่
ตอบไม่  เพราะ จำเลยมิได้ประสงค์ต่อทรัพย์ ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น  แสดงว่ามิได้มีเจตนาทุจริต  ไม่ผิดลักทรัพย์ ๕๙๓-๔๙

๘.เป็นลูกจ้างในร้านซ่อมรถ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับก้านสูบ  ได้เอาก้านสูบออกจากที่เก็บ เมื่อมีคนทักท้วงก็เอาไปเก็บ ถามว่าผิดสำเร็จหรือยัง
ตอบสำเร็จแล้ว เพราะ เมื่อนำทรัพย์ของผู้เสียหายออกจากที่เก็บ เป็นการเคลื่อนย้ายออกจากความครอบครองของผู้เสียหายแล้ว  ๖๓๗๑/๔๘

๙.จำเลยรับของโจร เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่  แล้วนำมาขู่ให้ผู้เสียหายนำเงินไปไถ่อีก ๕,๐๐๐ บาท หากไม่นำมาให้จะเอาโทรศัพท์ไปขาย ผู้เสียหายยอมให้เงินไถ่ ถามว่าผิดฐานรับของโจรแล้วจะผิดฐานกรรมโชกอีกหรือไม่
ตอบผิด กรรมโชกอีกเพราะ การที่จำเลยรับของโจรมาไว้ในความครอบครอง แล้วนำมาเรียกเงินโดยขู่ว่าไม่นำมาจะขายโทรศัพท์ เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ ตนได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ ผิดกรรโชก  ๑๔๘๔/๔๙