วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ป.อ.การกระทำโดยพลาด ม.๖๐


มาตรา ๖๐  ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่ง[1]โดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น




[1] หลักการกระทำโดยพลาด 
๑.ต้องมีผู้กระทำ ๒ฝ่ายขึ้นไป ฝ่ายแรกถูกกระทำโดยเจตนา ฝ่ายที่สอง ไม่ได้เจตนากระทำแต่ได้รับผลร้ายจากการกระทำ 
๒.ผู้กระทำต้องไม่ประสงค์ต่อผลต่อผู้ได้รับผลร้าย และต้องไม่เล็งเห็นผล ๓.การที่ผลไปเกิดต่อผู้ได้รับผลร้ายนั้น ไม่ต้องคำนึงว่าผู้กระทำจะประมาทหรือ ไม่
๔.เจตนากระทำต่อชีวิตผลไปเกิดแก่ทรัพย์ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยพลาด เช่นก.เจตนายิงข. ข.หลบกระสุนไปถูกกระจกรถแตก (หลักเจตนาโอน) ๕.การกระทำต่อทรัพย์โดยพลาดมีได้ เช่น ก.ต้องการยิงแจกันข.แต่พลาดไปถูก โทรทัศน์ค.แตกก.ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ๓๕๘ประกอบ๖๐ และผิดพยายามทำให้เสียทรัพย์ ๓๕๙,๘๐,๕๙ (ข้อสังเกตปรับความผิดทั้งผู้ถูกกระทำและบุคคลที่ได้รับผลโดยพลาดต่างจากสำคัญผิดปรับเฉพาะผู้ถูกสำคัญผิด) ๖.คำว่า "พลาด" แม้ผลจะเกิดแก่ผู้เสียหายฝ่ายแรกสมเจตนา หากผลไปเกิดแก่อีกฝ่ายก็ถือว่าพลาด 
๗.มาตรา ๖๐ เป็นเจตนาโอนหากเจตนาในตอนแรกเป็นฆ่าเจตนาที่โอนมาก็เป็นฆ่า เช่น ก.ต้องการฆ่าข.ยิงข.พลาดถูกค.บาดเจ็บสาหัส ต้องปรับว่าพยายามฆ่า ค. ไม่ใช่ทำร้ายอันตรายสาหัส 
๘.เจตนาแรกไตร่ตรองเจตนาที่โอนก็ไตร่ตรอง 
๙.เจตนาฆ่าตนเองพลาดไปถูกบุคคลอื่นตาย ไม่ใช่พลาด เพราะม.๖๐ ใช้คำว่าเจตนากระทำต่อบุคคลอื่นจึงไม่เข้าหลักมาตรา๖๐ 
๑๐.เจตนาเท่านั้นสามารถโอนได้ การกระทำโดยประมาทโอนไม่ได้ 
๑๑.ผู้กระทำมีเจตนากระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ความจริงเป็นเรื่องขาดองค์ประกอบภายนอก แม้ผลไปเกิดอีกบุคคลหนึ่งก็ไม่เป็นความผิด เช่น แดงต้องการฆ่าดำ แต่ดำหัวใจวายตายไปก่อนแล้ว แดงยิงที่ศพ พลาดไปถูกขาว ไม่ใช่พลาดนายแดงไม่ผิด 
๑๒.หากเจตนาในตอนแรกเป็นเจตนาพิเศษเพื่อป้องกันสิทธิ ,ป้องกัน,จำเป็น,บันดาลโทสะ แม้จะกระทำโดยพลาด เจตนาพิเศษตอนแรกต้องโอนไปด้วย เช่น แดงเล็งปืนจะยิงดำ ดำป้องกันโดยการยิงแดงพลาดไปถูกขาวตาย  ดำผิดพยาบาลฆ่าแดงอ้างป้องกัน ส่วนความรับผิดต่อขาว ม.๒๘๘ ,๖๐ แต่อ้างป้องกันตาม ๖๘ ได้ ๒๐๕/๑๖  
๑๓.บุคคฐานะพิเศษ หากทำต่อบุคคลธรรมดาผลเกิดต่อผู้มีความสัมพันธ์ ถือว่าเจตนาธรรมดา เช่น แดงต่องการฆ่าดำพลาดไปถูกขาวซึ่งเป็นพ่อ ผิดเพียง ๒๘๘ ไม่ผิดฐานฆ่าบุพการี

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลักอาญา มาตรา ๕๙


มาตรา ๕๙  บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้[1]กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ใน[2]กรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา[3] ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือ[4]ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำ[5]มิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
[6]กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้น[7]โดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย





[1] การกระทำ หมายถึง การเคลื่อนไหว หรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สำนึก อยู่ภายใต้บังคับของจิตใจ (คิด ตกลงใจ กระทำไปสืบเนื่องมาจากความคิด) กรณีไม่ถือว่าเป็นการกระทำ เช่น คนละเมอ คนเป็นล้มบ้าหมู ร่างกายกระตุกไม่รู้ตัว คนถูกผลัก หรือถูกจับมือขณะเผลอ ผู้ถูกสะกดจิต
[2] ความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท
มาตรา ๒๐๕ควบคุมดูแลผู้ที่ต้องคุมขัง กระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้ที่อยู่ในระหว่างคุมขังนั้นหลุดพ้นจากการคุมขังไป
มาตรา ๒๒๕  ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
มาตรา ๒๓๙  ถ้าการกระทำดังกล่าวในมาตรา ๒๒๖ ถึงมาตรา ๒๓๗ เป็นการกระทำโดยประมาท และใกล้จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น
มาตรา ๒๙๑  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
มาตรา ๓๐๐  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
มาตรา ๓๑๑  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
มาตรา ๓๙๐  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

[3] กระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายไม่ได้บรรจุตะกั่ว บรรจุเฉพาะดินปืนอัดด้วยกระดาษ จำเลยทราบดีว่าไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย การกระทำถือว่าไม่มีเจตนา ๙๕๐/๒๕๕๒,ใช้ปืนลูกซองยิงบุคคลหนึ่งแต่ผลไปเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ เป็นเล็งเห็นผลไม่อาจอ้างบันดาลโทสะ
[4] เจตนาย่อมเล็งเห็นผล  หมายถึง ไม่ใช่เจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรง แต่ย่อมเล็งเห็นได้ว่า ผลนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน แนวฎีกา ตำรวจตั้งด่านตำรวจเป่านกหวีดให้หยุดไม่หยุด พุ่งเข้าใส่เจ้าพนักงานที่ยืนอยู่ทางซ้าย ๒-๓คน แต่เจ้าพนักงานกระโดดหลบทัน ,จำเลยกดหน้าผู้เสียหายเป็นเวลานาน ,จำเลยถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายขณะผู้ตายไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงระเบียงอาคารซึ่งสูงเพียงระดับสะโพกโดยผู้ตายไม่ยินยอม เมื่อผู้ตายดิ้นลงและพลัดตกลงไปตาย,การใช้อาวุธปืนอันเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในยามวิกาล แม้ไม่ถูกผู้ใดแต่มีหนึ่งลูกห่างผู้เสียหาย ๑นัด๕๕๙๒/๓๓ ,การใช้ปืนยิงไปที่กลุ่มคนหมู่มากและอยู่ในที่จำกัด(รถโดยสาร) ๒๕๖๗/๔๔,ใช้ก้อนหินก้อนโตขนาดเท่ากำปั้นขว้างกระจกรถยนต์อาจทำให้ผู้เสียหลักคว่ำได้๑๑๗๘/๓๙,ใช้ปืนลูกซองยิงไปที่ขวดสุราบนโต๊ะที่ผู้เสียหายนั่งย่อมเล็งเห็นผลว่าลูกกระสุนปืนลูกซองอาจกระจายไปถูกผู้เสียหาย๒๐๖๐/๔๑,จำเลยกับพวกช่วยกันถีบผู้เสียหายให้ตกจากรถโดยสารขณะที่ขับด้วยความเร็วประมาณ ๖๐ ก.ม./ชั่วโมง , (เจตนาพิเศษจะเอาเจตนาย่อมเล็งเห็นผลมาใช้ไม่ได้ เช่น ป.อ. ม.๒๒๘ บัญญัติว่า ผู้ใดทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้เกิดอุทกภัย..ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ คำว่า เพื่อให้เกิดอุทกภัย ตามมาตรานี้ต้องมีเจตนาให้เกิดอุทกภัยโดยตรง จะยกเอาการเล็งเห็นผลของการกระทำตามมา.๕๙วรรคสองมาใช้ไม่ได้๑๒๔๐/๐๔(ป))
[5] การไม่รู้ข้อเท็จจริง หมายถึงความไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิดเท่านั้น  ไม่เกี่ยวกับองค์ประกอบภายในของความผิดนั้น ผล ถือว่า ไม่มีเจตนาตาม ๕๙ วรรคสาม ,ความแตกต่างระหว่างมาตรา ๕๙วรรคสามกับมาตรา ๖๒ มีดังนี้  กรณีเป็นการสำคัญผิดตามมาตรา ๖๒ วรรคหนึ่งนั้น การกระทำนั้นต้องครบองค์ประกอบภายนอกและผู้กระทำต้องมีเจตนากระทำความผิดเสียก่อน คือ ต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก  หากผู้กระทำไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก ย่อมถือว่าไม่มีเจตนาตาม ๕๙ วรรคสาม เช่น จำเลยกระทำชำเราโดยผู้เสียหายโดยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายอายุ ๑๗ ปี เท่ากับไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายอายุไม่เกิน ๑๕ ปี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด ตามม.๒๗๗ วรรคแรก ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนา  ซึ่งจะเข้าวรรคสองม.๖๒ อีว่าได้เกิดจากความประมาทหรือไม่ ตอบว่าประมาทแต่กระทำชำเราโดยประมาทไม่ผิด  ,แนวฎีกา  ถือว่าไม่รู้ข้อเท็จจริง ,ตัดต้นไม้โดยเข้าใจว่าเจ้าของอนุญาตแล้ว ,จำเลยใช้เอกสารโดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม  ,หลัก ม.๒๖๔ องค์ประกอบ ม.๒๖๔ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  ไม่ใช่เจตนาพิเศษจึงไม่เกี่ยวกับเจตนา ไม่ใช่การกระทำโดยแท้แต่เป็พฤติการณ์ประกอบการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายได้ แม้จะไม่เกิดความเสียหายจริงก็พิจารณาได้จากความคิดของบุคคลทั่วไป ดังนั้นผู้ปลอมเอกสารจะอ้างว่าไม่รู้ข้อเท็จจริงถือว่าไม่มีเจตนาไม่ได้ เช่น ปลอมสัญญากู้ผู้ตายว่าผู้ตายกู้ซึ่งไม่จริงจะนำไปหลอกทายาทแม้ยังไม่ได้นำไปหลอกทายาทก็ผิดสำเร็จ
[6] ประมาท  แนวฎีกา ซ๊อตปลาในคลองสาธารณะมีคนลงไปอาบน้ำไฟฟ้าซ๊อตตาย ๘๓๒/๔๐,ขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้และไม่ชะลอให้ช้าลง เป็นเหตุให้ชนกับรถที่จอดล้ำเส้นเข้าไปในสี่แยกโดยล้ำเส้นเครื่องหมายหยุด,คนโดยสารตกน้ำถอยเรือไปรับทำให้ใบพัดฟันคนที่ตกน้ำตาย,ลักน้ำมันโดยใช้สายไฟต่อแบตเตอรี่กัลป์ปั้มดูดน้ำ ระหว่างดึงสายเปลี่ยนถังดูดดึงสายไฟให้ปั้มหยุดเกิดประกายไฟทำให้เกิดเพลิงไหม้เป็นการกระทำโดยประมาท,
หลักสำคัญของประมาท 
๑.การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จะถือว่าประมาททันทีไม่ได้ ต้องพิจารณาตาม ฒ.๕๙ วรรคสี่  เช่นขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต แต่ไม่ประสาทก็ไม่ผิด
๒.ผู้กระทำต่างคนต่างประมาท (ไม่มีประมาทร่วม) ต่างคนต่างรับผิดฐานประสาท เช่น ขับรถผ่านสี่แยกไม่ชลอความเร็วอีกฝ่ายหยุดล้ำกินไปช่องทางจราจร มีคนตายก็ผิด หรือ นายกครูสอนขับรถ.สอนนายข.ขับรถในที่คับขันนายก.นั่งควบคุมไปแต่ฝนตกถนนลื่นหักหลบรถสามล้อทำให้รถพุ่งข้ามถนนชนคนบาดเจ็บและตายเป็นการกระทำโดยประมาทของทั้งสอง  
๓.การกระทำโดยประมาทไม่มีการพยายามกระทำความผิดตามม.๘๐  
๔.การกระทำโดยประมาทจะมีการร่วมกระทำ ม.๘๓ ใช้ให้กระทำ ม.๘๔ หรือสนับสนุนให้กระทำตามม.๘๕ ไม่ได้เช่นแดงสั่งให้ดำขับรถเร็ว ดำประมาทชนคนตายแดงมิใช่ผู้ใช่และมิใช่ผู้กระทำความผิดโดยอ้อม หรือดำกับแดงนัดกัน 
๕.การกระทำโดยงดเว้นอาจเป็นการกระทำโดยประมาทได้ เช่น จำเลยขับรถบรรทุกเสาไฟฟ้ามาเวลากลางคืน ล้อรถพวงหลุด ทำให้เสาไฟตกขวางถนน จำเลยไม่จัดให้มีโคมไฟหรือสัญญาณเดือน มีรถแล่นมาชนเสาไฟดังกล่าวตาย ถือว่าจำเลยกระทำโดยประมาทและผลเสียหายเกิดจากการที่จำเลยงดเว้นผิด ๒๙๑,๓๐๐๖.บางกรณีแม้ผู้กระทำจะประมาทและมีผลเกิดขึ้น ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดหากไม่เข้าหลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล เช่น นายหนึ่งขับรถไปตามช่องทางแต่นายสองหักข้ามเลนต์มาในระยะกระชั้นชิด แม้นายหนึ่งขับรถมาเร็วน้อยกว่านี้ก็ต้องชนอยู่นั่นเองไม่ประมาท
[7] โดยงดเว้น  
หลัก 
๑.เป็นการไม่กระทำ คือไม่เคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สำนึก
๒.ผู้กระทำมีหน้าที่ต้องกระทำ ได้แก่ หน้าที่ตามกฎหมายบัญญัติ เช่นบุตรจำต้องอุปการะบิดามารดาปพพ.๑๕๖๓,หน้าที่อันเกิดจากการยอมรับโดยเฉพาะเจาะจง เช่น รับเป็นคนเลี้ยงเด็ก,หน้าที่อันเกิดจากการกระทำก่อน ๆของตน พาคนตาบอดข้ามถนนเวลากลางคืนทิ้งไว้กลางถนนเพราะรีบไปขึ้นรถประจำทาง,หน้าที่อันเกิดจากความสัมพันธ์พิเศษเฉพาะเรื่อง  เช่นบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายดูแลบุตร
๓..เป็นหน้าที่ซึ่งต้องกระทำเพื่อป้องกันมิให้เกิดผลนั้นขึ้น 
แนวฎีกา งดเว้น เช่น จอดรถบรรทุกข้างทางมีรถจักรยานยนต์มาชน ความตายเป็นผลโดยตรงจากความประสาทของจำเลยที่งดเว้นการจักต้องป้องกันผล,ลูกจ้างการรถไฟมีหน้าที่ควบคุมสัญญาณห้ามรถผ่านเผลอหลับไม่ควบคุมสัญญาณตามปกติทำให้เขียวขับรถผ่านขณะรถไฟผ่านรถไฟชนรถยนต์ 
หลักงดเว้น 
๑.การร่วมกระทำความผิดโดยการงดเว้นก็มี เช่น ภริยา เห็นสามีถูกชู้ภริยาทำร้าย ไม่ได้ขัดขวางและไล่ลูก ๆ ออกไปและห้ามไม่ให้บอกใครผิดสนับสนุน ๒.ความแตกต่างระหว่างกระทำโดยงดเว้นกับกระทำโดยละเว้นคือ งดเว้นเป็นหน้าที่โดยเฉพาะที่ต้องกระทำเพื่อป้องกันผล  ละเว้นเป็นหน้าที่โดยทั่ว ๆ ไปที่ต้องกระทำเช่น เป็นนักว่ายน้ำเหรียญทองเห็นเด็กจะจมน้ำไม่ช่วย 
๓.ผู้กระทำความผิดโดยอ้อม  มีดังนี้ 
๓.๑ใช้หรือหลอกใช้ให้ผู้อื่นกระทำโดยผู้กระทำไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด เช่น นายแดงต้องการฆ่าดำหลอกนางขาวนางพยาบาลว่าเป็นยาบำรุง  
๓.๒ หลอกให้ผู้อื่นกระทำความผิดโดยผู้ถูกหลอกไม่ต้องรับผิด เพราะมีกฎหมายยกเว้นความผิด เช่น แดงต้องการฆ่าดำแต่ไม่กล้าทำหลอกขาวว่าดำกำลังจะยิงขาว ขาวหลงเชื่อยิงดำตาย ขาวไม่ผิดอ้าง ม.๖๘ ประกอบ ๖๒ แต่แดงผิดฐานฆ่าดำโดยเจตนา 
๓.๓.หลอกให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยผู้ถูกหลอกเจตนากระทำแต่ผู้ถูกหลอกกระทำเพียงฐานประมาท เช่น หลอกให้เอาปืนไปยิงคนอื่นโดยมีเจตนาฆ่าแต่หลอกผู้ยิงว่าไม่มีเจตนาฆ่า ,
๓.๔ผู้ใช้มีคุณสมบัติ แต่ผู้ถูกใช้ไม่มีคุณบัติทำ เช่น แดงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร ใช้ดำราษฎรทำปลอมเอกสารซึ่งแดงมีหน้าที่ทำ  แดงผิด ๑๖๑ ดำผิดเพียงสนับสนุน 
๓.๕.ผู้ที่ใช้ให้ผู้ที่การกระทำไม่เป็นความผิด เพราะขาดองค์ประกอบที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น แดงจำนำแหวนไว้กับดำ แดงใช้เหลืองไปทำลายแหวน เหลืองไม่ผิดโกงเจ้าหนี้ แต่ผิดผู้สนับสนุน แต่แดงผิดฐานโกงเจ้าหนี้ (โดยเป็นผู้กระทำความผิดโดยอ้อม) 
๓.๖.ที่บังคับหรือหลอกให้ผู้เสียหายให้กระทำต่อตัวผู้เสียหายเอง เช่น แดงต้องการฆ่าดำหลอกให้กินน้ำส้มผสมยาพิษ